พัทลุง - ท่องเที่ยวแบบ “โฮมสเตย์” ขยายตัวคึกคัก ดึงรายได้เสริมรายได้ทั้งระบบ ระบุเป็นนักท่องเที่ยวล้วนเน้นคุณภาพ พัทลุงยังขยายตัวได้มาก เพราะมีแหล่งเรียนรู้หลายจุด
นายอุทัย บุญดำ ผู้ประสานงานเครือข่ายสินธุ์แพรทอง ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เปิดเผยว่า กลุ่มเครือข่ายฯ ได้เริ่มจัดการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ตั้งแต่ปี 2551 โดยให้ผู้มาเที่ยวพักกับครัวเรือนเกษตรกร ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชน ตลอดถึงการจัดการองค์กรของกลุ่มเครือข่ายสินธุ์แพรทอง
เมื่อต้นปี 2552 ได้รับความร่วมจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จัดให้ลูกค้าของ ธ.ก.ส.จากจังหวัดตรัง และจังหวัดพัทลุง เข้ามาเรียนรู้ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2552 ประมาณ 3,000 คน คาดว่าจะมีรายได้เข้าสู่ชุมชนประมาณ 3 ล้านบาท และกระจายรายได้ช่วยเสริมรายได้ให้เกษตรกร นอกจากรายได้จากภาคเกษตร
นายอุทัย กล่าวอีกว่า บ้านพักโฮมสเตย์ จำนวน 30 หลังในพื้นที่ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 100-120 คน บ้านแต่ละหลังจะรับนักท่องเที่ยวได้ 3-5 คน ค่าใช้จ่าย 5 คน ประมาณ 900 บาท/วัน บางกลุ่มมาเรียนรู้พักผ่อน 3-4 วัน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพัก นอกจากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าของบ้านแล้ว ทางกลุ่มฯ ยังมีวิทยากรท้องถิ่น ที่มีความรู้เฉพาะด้าน และมีจุดเรียนรู้ ที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ด้านต่าง จำนวน 20 จุด ทั้งด้านการผลิตไม้ผลตามแนวทางเกษตรดีที่เหมาะสม ศูนย์รวบรวมผลผลิต กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร อุทยานประวัติศาสตร์ถังแดง การเลี้ยงปลาในสวนยาง ตลอดถึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ถ้ำพุทธโคดม น้ำตกเขาคราม น้ำตกโตนแพรทอง เป็นต้น
นายอุทัยกล่าวว่า โฮมสเตย์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ผู้ที่มาเยือนโฮมสเตย์จะต้องสกรีนเป็นอย่างดี ว่าจะมีเรียนรู้เรื่องอะไร จะได้จัดพื้นที่ และผู้รู้ตรงเป้าหมาย เช่น การท่องเที่ยวป่าก็มีผู้ชำนาญเชี่ยวชาญเรื่องป่ามาเป็นผู้บรรยายผู้นำทาง เรียนรู้ขบวนการปฏิวัติประชาชนถังแดงพัทลุง ก็ยังมีคนเฒ่าคนแก่มาบอกเล่า ฯลฯ
“โฮมสเตย์มีการเข้าใจผิดกัน โดยมีการไปสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ ความจริงแล้วก็เอาหลังเก่า ตรงที่เราต้องจัดทำเป็นสัดส่วน ความสะอาดของห้องนอน ความสะอาดของบ้านเรือน บริเวณบ้านเรือน ห้องน้ำ ห้องส้วมถูกสุขลักษณะ”
นายอุทัยกล่าวอีกว่า ความคิดริเริ่มโฮมสเตย์ เกิดขึ้นในปี 2550 ช่วงผลไม้ตกต่ำ แล้วในปี 2551 ก็มีการเคลื่อนไหวที่ดี และในปี 2552 ก็สอดรับกับจังหวัดพัทลุงที่ประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยว การทำโฮมสเตย์ในเชิงธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นเป็นท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และสามารถรองรับได้ ไม่ได้ให้ขยายตัวเติบโตจนไม่สามารถรองรับได้ก็จะเกิดความเสียหาย เพราะต้องเน้นเรื่องของคุณภาพ และมีความละเอียดอ่อนมาก
โฮมสเตย์แรกเริ่มมีที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง จำนวน 10 หลัง เป็นโฮมสเตย์เดินป่า และในจังหวัดพัทลุง โฮมสเตย์ยังสามารถดำเนินการอีกหลายอำเภอ เช่น ป่าบอน ตะโหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโลเกชั่นของแต่ละอำเภอว่าเหมาะสมกับสภาพใด ธุรกิจการท่องเที่ยวมันขับเคลื่อนรายได้หมุนสะพัดทั้งระบบ ทั้งภาคการเกษตร ภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม ผู้ที่สนใจมาท่องเที่ยว หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือดูงานติดต่อได้ที่ทำการกลุ่มเครือข่ายสินธุ์แพรทอง โทร 0-7460-5701
นายอุทัย บุญดำ ผู้ประสานงานเครือข่ายสินธุ์แพรทอง ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เปิดเผยว่า กลุ่มเครือข่ายฯ ได้เริ่มจัดการท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ ตั้งแต่ปี 2551 โดยให้ผู้มาเที่ยวพักกับครัวเรือนเกษตรกร ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชน ตลอดถึงการจัดการองค์กรของกลุ่มเครือข่ายสินธุ์แพรทอง
เมื่อต้นปี 2552 ได้รับความร่วมจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จัดให้ลูกค้าของ ธ.ก.ส.จากจังหวัดตรัง และจังหวัดพัทลุง เข้ามาเรียนรู้ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2552 ประมาณ 3,000 คน คาดว่าจะมีรายได้เข้าสู่ชุมชนประมาณ 3 ล้านบาท และกระจายรายได้ช่วยเสริมรายได้ให้เกษตรกร นอกจากรายได้จากภาคเกษตร
นายอุทัย กล่าวอีกว่า บ้านพักโฮมสเตย์ จำนวน 30 หลังในพื้นที่ สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 100-120 คน บ้านแต่ละหลังจะรับนักท่องเที่ยวได้ 3-5 คน ค่าใช้จ่าย 5 คน ประมาณ 900 บาท/วัน บางกลุ่มมาเรียนรู้พักผ่อน 3-4 วัน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพัก นอกจากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้าของบ้านแล้ว ทางกลุ่มฯ ยังมีวิทยากรท้องถิ่น ที่มีความรู้เฉพาะด้าน และมีจุดเรียนรู้ ที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ด้านต่าง จำนวน 20 จุด ทั้งด้านการผลิตไม้ผลตามแนวทางเกษตรดีที่เหมาะสม ศูนย์รวบรวมผลผลิต กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร อุทยานประวัติศาสตร์ถังแดง การเลี้ยงปลาในสวนยาง ตลอดถึงมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น ถ้ำพุทธโคดม น้ำตกเขาคราม น้ำตกโตนแพรทอง เป็นต้น
นายอุทัยกล่าวว่า โฮมสเตย์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ผู้ที่มาเยือนโฮมสเตย์จะต้องสกรีนเป็นอย่างดี ว่าจะมีเรียนรู้เรื่องอะไร จะได้จัดพื้นที่ และผู้รู้ตรงเป้าหมาย เช่น การท่องเที่ยวป่าก็มีผู้ชำนาญเชี่ยวชาญเรื่องป่ามาเป็นผู้บรรยายผู้นำทาง เรียนรู้ขบวนการปฏิวัติประชาชนถังแดงพัทลุง ก็ยังมีคนเฒ่าคนแก่มาบอกเล่า ฯลฯ
“โฮมสเตย์มีการเข้าใจผิดกัน โดยมีการไปสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ ความจริงแล้วก็เอาหลังเก่า ตรงที่เราต้องจัดทำเป็นสัดส่วน ความสะอาดของห้องนอน ความสะอาดของบ้านเรือน บริเวณบ้านเรือน ห้องน้ำ ห้องส้วมถูกสุขลักษณะ”
นายอุทัยกล่าวอีกว่า ความคิดริเริ่มโฮมสเตย์ เกิดขึ้นในปี 2550 ช่วงผลไม้ตกต่ำ แล้วในปี 2551 ก็มีการเคลื่อนไหวที่ดี และในปี 2552 ก็สอดรับกับจังหวัดพัทลุงที่ประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยว การทำโฮมสเตย์ในเชิงธุรกิจการท่องเที่ยวนั้นเป็นท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และสามารถรองรับได้ ไม่ได้ให้ขยายตัวเติบโตจนไม่สามารถรองรับได้ก็จะเกิดความเสียหาย เพราะต้องเน้นเรื่องของคุณภาพ และมีความละเอียดอ่อนมาก
โฮมสเตย์แรกเริ่มมีที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง จำนวน 10 หลัง เป็นโฮมสเตย์เดินป่า และในจังหวัดพัทลุง โฮมสเตย์ยังสามารถดำเนินการอีกหลายอำเภอ เช่น ป่าบอน ตะโหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโลเกชั่นของแต่ละอำเภอว่าเหมาะสมกับสภาพใด ธุรกิจการท่องเที่ยวมันขับเคลื่อนรายได้หมุนสะพัดทั้งระบบ ทั้งภาคการเกษตร ภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม ผู้ที่สนใจมาท่องเที่ยว หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือดูงานติดต่อได้ที่ทำการกลุ่มเครือข่ายสินธุ์แพรทอง โทร 0-7460-5701
