xs
xsm
sm
md
lg

คกก.สิทธิฯ ลงพื้นที่พัทลุงตามข้อพิพาทที่ดิน ม.ทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พัทลุง - คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่ จ.พัทลุง ติดตามข้อพิพาทที่ดิน ระหว่างชาวบ้านกับ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ที่ดำเนินการก่อสร้างบนที่ดินทับซ้อนกับที่ทำกินชาวบ้าน


ที่ห้องประชุมกาบบัว ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายกฤติพงษ์ คงแข็ง ปลัดจังหวัดพัทลุง เป็นประธานประชุมร่วมกับนางสุนี ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยชาวบ้าน ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง กว่า 100 คน ทั้งนี้เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้กับราษฎร กรณีที่มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ขอใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งลานโย ต.บ้านพร้าว เนื้อที่จำนวน 3,000 ไร่ เพื่อจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่ได้สำรวจพื้นที่ทับซ้อนที่ดิน ส.ป.ก.ของราษฎร

นางสุนี ไชยรส คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว มีข้อสังเกตอยู่ 3 ข้อด้วยกัน คือ ทางมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ในหลักเกณฑ์เบื้องต้นยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินอย่างถูกต้อง แต่ข้อเท็จจริงขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ทำการก่อสร้างอาคารแล้วจำนวนหลายหลังด้วยกัน และได้ทำการเปิดการเรียนการสอนแล้วด้วย

ส่วนราษฎรที่ได้รับค่าชดเชยในที่ดินที่ทับซ้อนในราคาไร่ละ 2,500 บาทนั้นก็ต้องจำยอมเนื่องด้วยความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ซึ่งข้อเท็จจริงราคาต่อไร่ควรจะเป็น 5,000 บาท แล้วมันหายไปไหน และที่สำคัญใครเป็นจะเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบค่าเสียหาย กรณีที่ชาวบ้านเสียโอกาสทำมาหากิน

นางสุนี ยังกล่าวอีกว่า หากความจริงปรากฏเช่นนี้ขอให้ทางมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ถอยร่นที่ทับซ้อนจำนวน 300 ไร่ออกมา แล้วหยุดกิจกรรมในการก่อสร้างทุกอย่างที่อยู่ในเขตพื้นที่ทับซ้อนไว้ก่อน จนกว่าทางคณะกรรมการสิทธิในการจัดสรรที่ดินและป่าจังหวัดพัทลุง จะพิสูจน์แนวเขตเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 100 วันก็จะแล้วเสร็จ

ด้าน ดร.สมเกียรติ สายธนู อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง กล่าวว่า มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุงได้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2541 และได้เปิดการเรียนการสอนเมื่อปี 2547 ปัจจุบันใช้พื้นที่ในการก่อสร้างประมาณร้อยละ 75 ของพื้นที่ทั้งหมด และได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1,600 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มอาคารที่ก่อสร้าง แล้วเสร็จจำนวน 18 หลัง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 2 หลัง

ทั้งนี้ ทางตนและมหาวิทยาลัยมีความตั้งใจที่จะเข้ามาขยายเขตการศึกษา นำพาความเจริญมาสู่จังหวัดพัทลุง แต่ทางตนนั้นไม่ทราบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวมีข้อพิพาทกับชาวบ้าน เมื่อมติในที่ประชุมเป็นเอกฉันท์ให้ถอยร่นออกมา พร้อมหยุดกิจกรรมที่กำลังก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นคอกวัว แปลงหญ้า ตลอดถึงสระน้ำ ก็มีความจำเป็นต้องชะลอไว้ก่อนตามมติของที่ประชุม

ส่วนด้านลุงเยื้อน ทองหนูนุ้ย อายุ 68 ปี แกนนำชาวบ้านอยู่บ้านเลขที่ 225 ม.8 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง กล่าวว่า ตนพร้อมกับชาวบ้านรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่มีโอกาสได้ที่ดินที่เคยเป็นของตนเองกลับมาทำมาหากินอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตกันอยู่อย่างยากลำบาก เนื่องจากไม่มีที่ดินทำกิน และหลังจากที่ต่อสู้กันมายาวนานกว่า 20 ปี บางคนก็ล้มหายตายจากไปบ้าง วันนี้ก็อยากให้วิญญาณของพวกเขาเหล่านั้นได้รับรู้ว่าการต่อสู้ที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่า
กำลังโหลดความคิดเห็น