xs
xsm
sm
md
lg

สาวเมืองคอนอดีตดาวมหาลัยเครียดเรื่องครอบครัวจ่อยิงลูกร่อแร่-ตัวเองดับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช – สุดสลดรับวาเลนไทน์ สาววัย 40 ปีอดีตดาวมหาวิทยาลัยเครียดจัด- ฉกปืน .38 จ่อยิงลูกในไส้ 2 คนร่อแร่ ก่อนยิงตัวตายตามคาห้องนอน เผยสามีล้มป่วยต้องทำงานหนักรับภาระเลี้ยงดูลูก ลูกชาย-หญิงทะเลาะกันเป็นกิจวัตร ตัดสินใจขโมยปืนน้องชายก่อเหตุสุดสยองขวัญ

ปัญหาในครอบครัวที่ต้องกลายเป็นเรื่องสลดวาเลนไทน์เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.40 น.วันที่ 14 ก.พ.2552 ร.ต.ท.บรรจง สิทธิศักดิ์ ร้อยเวร สภ.ย่อยเขามหาชัย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุแม่จ่อยิงลูก 2 คน ก่อนยิงตัวตายตาม รวมผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 135 ถนนชลประทานท่าดี หมู่ 1 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูดิศ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.พิศิษย์ วิเศษวงศ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ศิริพงศ์ โพธิพัฒน์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สว.สป. พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.กำลังตำรวจสายตรวจ แพทย์เวร รพ.มหาราช เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไต้เต๊กตึ้ง รีบรุดไปสอบสวนในที่เกิดเหตุ

บ้านเกิดเหตุเป็นบ้านหลังใหญ่ 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ภายในห้องนอนห้องหนึ่งบนชั้น 2 เจ้าหน้าที่พบประตูห้องพังยับเยิน ลูกปิดประตูหักงอ เมื่อเข้าไปในห้องเจ้าหน้าที่ต้องตกตะลึงกับภาพภายในห้องเมื่อมีร่างโชกเลือดนอนกระจัดกระจายอยู่บนฟูกที่นอนถึง 3 ราย รายแรกคือนางศิโรรัตน์ น้ำดอกไม้ อายุ 40 ปี อาศัยอยู่บ้านเกิดเหตุ สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด อาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ข้างลำตัวทางด้านซ้าย ในรังเพลิงพบปลอกกระสุนคาอยู่ 3 ปลอก กระสุนอีก 3 นัด และพบหัวกระสุนปืนลักษณะบี้แบนตกอยู่ 2 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนอีก 2 รายทราบชื่อ ด.ญ.ปภัสสร น้ำดอกไม้อายุ 9 ขวบ และ ด.ช.อภิชัย น้ำดอกไม้ อายุ 3 ขวบครึ่ง ทั้งสองเป็นพี่น้องกันและเป็นบุตรของนางศิโรรัตน์ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันเข้าที่ศีรษะคนละ 1 นัด และพบว่าเด็กทั้งสองรายไม่เสียชีวิตอยู่ในสภาพหายใจรวยรินยังมีสัญญาณชีพ หน่วยกู้ภัยจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลมหาราช เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยแพทย์ระดมกำลังช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากที่ถึงมือแพทย์ได้ส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที จนกระทั่งช่วงเช้าของวันนี้อาการเด็กทั้งสองรายยังคงน่าวิตก

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนปากคำนายเสวียน วรรณวาสน์ อายุ 68 ปี และนายพิทักษ์พงษ์ วรรณวาสน์ อายุ 35 ปี บิดาและน้องชายของนางศิโรรัตน์ ที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันได้ความว่านางศิโรรัตน์ ผู้ตายเป็นสาวสวยระดับดาวมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง เรียนจบคณะรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และแต่งงานอยู่กินกับนายปณิธาณหรือสมพร น้ำดอกไม้ อายุ 40 ปี บุตรชายของนายทหารระดับนายพลคนหนึ่ง และมีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ ด.ญ.ปภัสสร และ ด.ช.อภิชัย โดยตามปกติจะอาศัยอยู่บ้านสามีที่กรุงเทพ แต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานายปณิธาณ สามีของนางศิโรรัตน์ ล้มป่วยด้วยโรคไซนัสเรื้อรัง จนลุกลามขึ้นสมองต้องเข้ารับการรักษาและผ่าตัดในโรงพยาบาลหลายครั้ง และแพทย์ต้องทำการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะแม้จะรอดชีวิต

แต่นายปณิธาณ กลายเป็นคนที่อ่อนแอไม่สามารถทำงานอะไรได้ พูดจาก็ไม่ค่อยชัดสมองก็เลอะเลือนแต่ยังจำลูกเมียของตัวเองได้ ญาติของนายปณิธาณ จึงรับภาระเลี้ยงดูนายปณิธาณ ในขณะที่นางศิโรรัตน์ ผู้ตายต้องหอบลูก 2 คน เดินทางกลับบ้านเกิดมาขออาศัยอยู่กับนายเสวียน บิดาที่บ้านเกิดเหตุ และทำงานรับจ้างอยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

"ที่ผ่านมานางศิโรรัตน์ ต้องทำงานอย่างหนักเพราะต้องรับภาระเลี้ยงดู ด.ญ.ปภัสสร และ ด.ญ.อภิชัย โดยในขณะที่ตัวเองไปทำงานปล่อยให้ญาติ ๆ เลี้ยงดู ด.ญ.ปภัสสร และ ด.ช.อภิชัย โดยในปัจจุบัน ด.ญ.ปภัสสร เรียนหนังสืออยู่ชั้น ป.3 ส่วน ด.ช.อภิชัย เรียนอยู่ชั้นอนุบาล ในขณะที่นางศิโรรัตน์ มีอาการคิดมากเครียดและเก็บกดมาตลอดและมักจะบ่นน้อยใจในชะตาชีวิตของตัวเองบ่อยครั้ง ในระยะหลัง ๆ ด.ญ.ปภัสสร และ ด.ช.อภิชัยมักจะทะเลาะกันบ่อยครั้งตามประสาเด็กมีการแย่งชิงของเล่น ทำให้นางศิโรรัตน์ คิดมากและเพิ่มความเครียดมากขึ้นไปอีก"

ก่อนเกิดเหตุนางศิโรรัตน์ กลับมาจากทำงานในเวลาประมาณ 20.00 น. เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบ ด.ญ.ปภัสสร กำลังทะเลาะวิวาทกับ ด.ช.อภิชัย เพื่อแย่งชิงของเล่นที่นายปณิธาณ บิดาเพิ่งส่งมาให้จากกรุงเทพ นางศิโรรัตน์ จึงนำ ด.ญ.ปภัสสร และ ด.ญ.อภิชัย เข้าห้องนอน แต่สองพี่น้องก็ยังมีปากเสียงทะเลาะวิวาทและร้องไห้งอแงตลอดเวลา จนกระทั้งนายพิทักษ์พงษ์ วรรณวาสน์ น้องชายของนางศิโรรัตน์ กลับมาจากนอกบ้านและเข้าห้องนอนซึ่งอยู่ติดกัน สักครู่นายพิทักษ์พงษ์ ออกจากห้องลงไปอาบน้ำในห้องน้ำชั้นล่าง ช่วงนั้นเองนางศิโรรัตน์ ได้เข้าไปขโมยอาวุธปืนของนายพิทักษ์พงษ์ ที่วางไว้บนที่นอน ก่อนจะกลับมาที่ห้องของตัวเองปิดล็อคประตูอย่างแน่นหนา ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด นายพิทักษ์พงษ์ พร้อมด้วยญาติ ๆ ได้ยินเสียงปืนดังมาจากห้องของนางศิโรรัตน์ จึงรีบวิ่งมาเคาะประตูเรียกแต่นางศิโรรัตน์ ไม่ยอมเปิดโดยตะโกนบอกว่า"ตัวเองกับลูกๆ ขอไปอยู่วัด" สิ้นเสียงพูดก็มีเสียงปืนดังมาจากในห้องอีก 1 นัด นายพิทักษ์พงษ์ และญาติ ๆ จึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปก็พบ 3 แม่ลูกนอนจมกองเลือดอยู่ในฟูกที่นอนดังกล่าว

พ.ต.อ.ภูดิศ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วพอจะสรุปเหตุการณ์ในเบื้องต้นได้ว่านางศิโรรัตน์ เป็นผู้ก่อเหตุจ่อยิงลูกทั้งสองคน ๆ ละ 1 นัด โดยมีสาเหตุมาจากความเครียดที่สามีล้มป่วยจนไม่สามารถทำงานอะไรได้ และต้องแยกกันอยู่โดยนางศิโรรัตน์ ต้องหอบลูก 2 คนกลับมาขออาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านเกิดเหตุและตัวเองทำงานอย่างหนักในการเลี้ยงดูบุตรทั้งสองคน โดยเฉพาะในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้นางศิโรรัตน์ วิตกกังวลเรื่องอนาคตของตัวเองและลูกๆ ประกอบกับลูกทั้งสองคนมักมีเรื่องทะเลาะกันเองบ่อยครั้ง นางศิโรรัตน์ เกิดอารมณ์ชั่ววูบตัดสินใจขโมยปืนของน้องชายมาจ่อยิงลูกทั้งสองคนและคิดว่าลูกคงเสียชีวิตแล้วทั้งสองคน จึงยิงตัวตายตามดังกล่าว

อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสงสัยในบางประเด็น เนื่องจากนางศิโรรัตน์ ผู้ตายเป็นคนนัดมือขวา แต่จากลักษณะที่พบในที่เกิดเหตุอาวุธปืนตกอยู่ที่มือซ้าย ในขณะที่วิถีกระสุนการยิงตัวตายนั้นแผลเข้ากลับอยู่ทางขมับขวาทะลุขมับซ้าย โดยมีเขม่าดินปืนติดที่แผลเกรอะกรัง ซึ่งในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยากที่คนถนัดมือขวาแต่กลับใช้มือซ้ายยิงตัวตาย ที่สำคัญไม่น่าจะเป็นไปได้ที่นางศิโรรัตน์ จะใช้มือซ้ายยิงตัวตาย โดยจ่อยิงทางขมับขวา ซึ่งคดีนี้อาจจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังบางอย่าง ทางพนักงานสอบสวนจึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการเขต 43 มาร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุและเก็บร่องรอยในห้องเกิดเหตุรวมทั้งจากศพของนางศิโรรัตน์ อย่างละเอียด เพื่อสอบสวนหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น