ระนอง - พันธมิตรฯ ระนองหลายพันคนร่วมเวที “ก้าวย่างเพื่อการเมืองใหม่” แกนนำชี้ยังไม่ได้รับชัยชนะเด็ดขาดจะต้องต่อสู้ต่อไป ระบุฝ่ายตรงข้ามพยายามล้มล้างรัฐบาล เพื่อนิรโทษกรรมให้ผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง พธม.ยอมไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดระนอง จัดให้มีเวทีปราศรัยการเมืองภาคประชาชนขึ้น ภายใต้ชื่องาน “ก้าวย่างเพื่อการเมืองใหม่” เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการเมืองใหม่ให้กับเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดระนอง และจังหวัดใกล้เคียงได้รับทราบ โดยจัดขึ้นลานเอนกประสงค์หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองระนอง โดยมีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดระนอง ประชาชน ให้ความสนใจเข้าร่วมร่วมรับฟังจำนวนหลายพันคน
สำหรับการจัดเวทีในครั้งนี้มี มีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คนสำคัญๆหลายคนทั้ง แกนนำรุ่น 1 แกนนำรุ่น 2 และแนวร่วมพันธมิตร สลับกันขึ้นปราศรัยให้ความรู้ทางด้านการเมืองใหม่กับประชาชนที่มารอรับฟัง สลับกับการเล่นดนตรี ได้แก่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นางมาลีรัตน์ แก้วก่า, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายการุณ ใสงาม, นายวีระ สมความคิด, นายจำรูญ ณ ระนอง และนายเทิดภูมิ ใจดี
โดยแกนนำแต่ละคนได้ปราศรัยถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่มีการทุจริตคอรัปชั่น และเป็นรัฐบาลนอมินีของทักษิณ ซึ่งประชาชนต้องมีการตรวจสอบนักการเมืองอย่างเข้มข้นต่อไป ตราบใดที่ระบอบทักษิณ ยังไม่หมดไปจากประเทศไทยทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ต้องมีการชุมนุมต่อไป ซึ่งปัจจุบันถือว่ายังไม่ได้รับชัยชนะ
“ขณะเดียวกัน กลุ่มคนเสื้อแดงก็พยายามล้มล้างรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง รวมทั้งทักษิณด้วยที่ถูกศาลการเมืองพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ซึ่งพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
นายสุริยะใส กล่าวว่า ASTV กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องเดินไปด้วยกัน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เพราะถ้าไม่มี ASTV ก็จะไม่มีพันธมิตรฯและถ้าไม่มีพันธมิตรฯก็จะไม่มี ASTV ดังนั้น จึงต้องเดินควบคู่กันไป สำหรับยุทธศาสตร์ของพันธมิตรฯ ไม่มีการต่อรองกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพันธมิตรฯ ไม่ใช่กลุ่มผลประโยชน์ แต่ต้องการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ รักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้อยู่ควบคู่กับสังคมไทยตลอดไป
