xs
xsm
sm
md
lg

หลัง ตร.รวบแก๊งขนอาวุธสงครามพบ 2 คนร้ายที่หลบหนีพัวพันฆ่าหลายคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตรัง – จากกรณีคนร้ายพยายามลักลอบขนอาวุธสงครามแล้วถูกตำรวจจับได้นั้น พบว่า คนร้ายอีก 2 คนที่หนีไปได้มีคดีพัวพันอีกลายคดี ส่วนอาวุธที่ยึดได้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่า เกี่ยวพันกับสามจังหวัดชายแดนใต้หรือไม่

จากกรณีที่กลุ่มคนร้าย 4 คน ได้พยายามลักลอบขนอาวุธสงครามใส่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวารา สีดำ หมายเลขทะเบียน บท 6885 กระบี่ ผ่านด่านตรวจในท้องที่ สภ.ย่านตาขาว จังหวัดตรัง จนกระทั่งเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผลให้คนร้ายถูกจับกุมได้ 2 คน คือ นายอธิวัฒน์ หนูแป้น อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 ถนนรถไฟ ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง กับ นางสาวพรทิพย์ นารัตตะคุ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ที่ 10 ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง

ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ที่สามารถหลบหนีไปได้ คือ นายวาธี หรือคิว ม่วงไหมทอง อายุ 27 ปี คนขับรถกระบะ อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 1 ตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย กับ นายจักรพันธ์ หรือ เบิร์ด พิทักษ์สัจจานนท์ อายุ 21 ปี ชาวอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 22 มกราคม 2552 ที่ผ่านมานั้น

เมื่อวันนี้ (10 ก.พ.) พ.ต.ท.สุริยา ปัญญามัง รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.ย่านตาขาว กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายทั้งหมดได้ขนอาวุธสงครามที่ยึดได้ เดินทางออกมาจากรีสอร์ตแห่งหนึ่งทางเข้าน้ำตกโตนเต๊ะ อำเภอปะเหลียน หลังจากได้ไปเปิดห้องพักที่รีสอร์ตดังกล่าว จำนวน 2 ห้อง เป็นเวลา 2 คืน ซึ่งคาดว่าคงใช้สำหรับเป็นที่ประชุมวางแผนเพื่อก่อเหตุใหม่ แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.บ้านหนองเอื้อง จะเข้าตรวจ กลุ่มคนร้ายจึงรีบออกมารีสอร์ตทันที โดยตั้งใจจะขนอาวุธทั้งหมดเข้าไปยังพื้นที่อำเภอกันตัง เพื่อก่อเหตุถล่มคู่อริคนหนึ่ง

แต่คนขับรถ คือ นายวาธี หรือ คิว ม่วงไหมทอง รู้ตัวดีว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นตัวเขา และเห็นรถกระบะคันที่ขับ จะต้องถูกจับอย่างแน่นอน เพราะมีหมายจับในคดียาเสพติดติดตัวอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว เคยล่อซื้อยาบ้า จำนวน 2,000 เม็ด ซึ่งจับได้เฉพาะเพื่อนร่วมแก๊ง จำนวน 3 คน แต่ นายวาธี หัวโจก และเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ สามารถหลุดรอดไปได้ ดังนั้น เมื่อ นายวาธี เห็นด่านตรวจ สภ.ย่านตาขาว จึงตัดสินใจกลับรถเพื่อหนีกลับเส้นทางเดิม แต่เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน และ นายวาธี ก็ยังหนีรอดไปได้อีกครั้ง พร้อมกับ นายจักรพันธ์ ลูกน้องร่วมแก๊ง และต่อมา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นรีสอร์ตดังกล่าว ก็สามารถยึดรถจักรยานยนต์มาได้อีก 1 คัน

รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.ย่านตาขาว กล่าวอีกว่า สำหรับอาวุธสงครามที่ยึดได้เป็นจำนวนมากนั้น อยู่ระหว่างที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ก็กำลังตรวจสอบ ว่า ได้มาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ อย่างไร พร้อมตรวจสอบด้วยว่า ตรงกับอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อคดีต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดตรังในช่วงที่ผ่านมาบ้างหรือไม่ โดยเบื้องต้นในบางคดีพบว่า ตรงกันชัดเจน แต่บางคดียังคงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป นอกจากนั้น คนร้ายกลุ่มนี้ก็จัดอยู่ในเครือข่ายมือปืนรับจ้างด้วย

พ.ต.อ.เติม อินทะสะระ ผู้กำกับการ สภ.กันตัง กล่าวว่า สำหรับคดีสังหาร นายสมนึก ผดุงวิทย์วิทยา อายุ 41 ปี หรือ โกนึก ผู้จัดการแพปลาขนาดใหญ่ในอำเภอกันตังนั้น น่าจะเกี่ยวพันกับ นายวาธี 1 ในผู้ต้องหาคนสำคัญที่หลบหนีไปได้ เพราะคนร้ายที่ลงมือสังหาร โกนึก ใช้อาวุธปืนสั้น ขนาด .357 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับที่ นายวาธี ใช้ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว และกลุ่มนี้ก็กำลังจะขนอาวุธสงครามเข้ามาในพื้นที่อำเภอกันตัง เพื่อก่อเหตุถล่มคู่อริอีก 1 ราย ซึ่งเป็นคู่อริที่ขัดแย้งกันเรื่องยาเสพติด แต่ยืนยันว่า เป้าหมายมิใช่นักธุรกิจคนใดในพื้นที่อำเภอกันตัง ส่วนคดีสังหาร นายวิโรจน์ วิเศษพงษ์พันธ์ หรือ ป๋าแบน เจ้าของเซเยส ผับ ไม่น่าจะใช่ฝีมือของคนร้ายกลุ่มนี้ แต่อาจจะเป็นเครือข่ายโยงใยกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น