สตูล – ประชาชนละงู จ.สตูล กว่า 300 คนปิดล้อมโรงพัก เพื่อรอรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาที่ทำการล่อลวงเด็กหญิง ป.5 เพื่อทำการอนาจาร แต่โชคดีที่เหยื่อสามารถหลบหนีได้ทัน
วันนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.สตูล ชาวบ้านกว่า 300 คนเดินทางมาล้อมสถานีตำรวจภูธรละงู จ.สตูล เพื่อรอรุมประชาทัณฑ์พร้อมสาปแช่ง และเรียกร้องไม่ให้ทางตำรวจอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา คือ นายพิพัฒน์ แก้วคงศรี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 403 หมู่ 1 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ผู้ต้องหาในคดีพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร และใช้กลอุบายหลอกลวงเด็กเพื่ออนาจาร ที่สามารถควบคุมตัวได้ที่บริเวณข้างโรงเรียนกำแพง หมู่ 1 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล พร้อมรถจักรยานยนต์ซูซูกิ สแมช ทะเบียน กทล-58 สตูล
จนทางด้าน พ.ต.อ. วิรัตน์ อ่อนสง ผกก.สภ.ละงู และ พ.ต.ท.อุสมาน ยีตาหวี สว.สส.สภ.ละงู ต้องใช้เวลานาน 2 ชั่วโมง ชี้แจงให้ชาวบ้านเข้าใจถึงกระบวนการทางกฎหมายพร้อมทั้งยืนยันต่อชาวบ้านว่าจะไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาอย่างเด็ดขาด จึงทำให้ชาวบ้านต่างพอใจแยกย้ายกันเดินทางกลับโดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ ในที่สุด
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ (ผู้ต้องหา) ได้เข้าไปภายในโรงเรียนบ้านเกาะยวน ต.ละงู หลังจากนั้นก็กลับออกไป ต่อมาเช้าวันที่ 4 ก.พ. 2552 นายพิพัฒน์ ผู้ต้องหาได้ไปที่โรงเรียนบ้านเกาะยวนอีกครั้ง และพบ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.5 ที่กำลังนั่งพักเที่ยงภายในโรงเรียน
ผู้ต้องหาได้พูดกับ ด.ญ.เอ ว่าอาจารย์ที่สอนชั้น ป.5 วานให้มารับไปที่บ้านพักอาจารย์ ด.ญ.เอหลงเชื่อผู้ต้องหาจึงชวน ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เพื่อนในห้องเดียวกันร่วมกันนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหาไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เมื่อผู้ต้องหาขับรถพาเหยื่อทั้งสองมาถึงบริเวณบนถนนสายในเมือง-สามแยกนาพญา หมู่ 12 ต.ละงู (หน้าโรงเรียนบ้านในเมือง) ผู้ต้องหาพูดจาหว่านล้อม และปล่อยให้ ด.ญ.บีลงที่บริเวณดังกล่าว และได้พา ด.ญ.เอ ไปตามถนนสายสามแยกนากลาง-ปากละงู
ด.ญ.เอ เล่าว่า เมื่อมาถึงบริเวณถนนชายหาดบางศิลา หมู่ 2 ต.ละงู ผู้ต้องหาจอดรถแล้วลงมือทำอนาจารด้วยการกอดจูบลูบไล้ตามลำตัวของ ด.ญ.เอ เมื่อเห็นว่าถูกหลอกลวงพามาทำอนาจารจึงหาหนทางวิ่งหลบหนีและร้องเรียกให้ชาวบ้านในละแวกช่วยไว้ได้
ผู้ปกครอง ด.ญ.เอ เมื่อทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ชาญวิทย์ ศรีหร่าย ร้อยเวร สภ.ละงู ต่อทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดพร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ดังกล่าว
