ตรัง - ส.อบจ.ตรังทีมพรรคประชาธิปัตย์ยังคงสงสัยการทำงานของ กกต.จังหวัดตรัง หลังเรียกสอบแต่พยานฝ่ายผู้ร้องเท่านั้น จึงมองว่าการทำหน้าที่ของ กกต.เหมือนรับใช้ใครบางคน
จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลาง ได้มีมติเพิกถอนผลการเลือกตั้งด้วยการให้ใบแดง แก่นายพินิจ เขตตะเคียน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง เขต 1 อำเภอห้วยยอด ทีมพรรคประชาธิปัตย์ หลังถูก นายมงคล ช่องประเสริฐ ผู้สมัครอิสระ ร้องเรียนต่อ กกต.ว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 (5) ที่เข้าข่ายลักษณะหลอกลวงจูงใจให้ประชาชนเข้าใจผิดทำให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง ด้วยการนำป้ายหาเสียงเลือกตั้งที่มีภาพ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ไปขึ้นหาเสียงด้วย โดยที่นายชวนไม่อนุญาต จนสุดท้ายนายพินิจก็ได้รับการเลือกตั้งในที่สุด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างที่ กกต.กลาง กำลังยืนเรื่องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาชี้ขาด ซึ่งคาดว่าคงจะทราบผลในเร็วๆ นี้
นายพินิจ เขตตะเคียน ส.อบจ.เขต 1 อำเภอห้วยยอด ซึ่งถูก กตต.ให้ใบแดง กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะถึงไม่ได้ทำหน้าที่เป็น ส.อบจ.ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะมีธุรกิจส่วนตัวทำอยู่แล้ว และจะยังคงทำงานช่วยพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป เพียงแต่ติดใจในการทำงานของ กกต.ว่าเหตุใดทำไมไม่เรียกสอบพยานคนสำคัญที่ทางตนได้ยื่นไป
ไม่ว่าจะเป็นนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ในพื้นที่ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้นก็คือ ไม่ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะมีส่วนทำให้ถึงกับถูกยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ หากมีผู้หนึ่งผู้ใดหยิบประเด็นนี้ไปร้องเรียน ส่วนในเรื่องการปฎิบัติหน้าที่ขณะนี้ก็ยังคงเป็นปกติ เพราะยังไม่ได้รับการติดต่อจากศาลอุทธรณ์ให้ยุติการปฎิบัติหน้าที่แต่อย่างใด
นายบรรณษิวิชญ์ สงบดี ส.อบจ.เขต 1 อำเภอวังวิเศษ ซึ่งถูกร้องเรียนในข้อกล่าวหาเดียวกัน ก็กล่าวว่า หลังทราบผลการตัดสินของ กกต.กลาง เกี่ยวกับนายพินิจ เพื่อนร่วมทีมแล้ว ส่วนตัวก็ไม่ได้คาดหวังอะไรและไม่ห่วงถ้าหากจะโดนใบแดงด้วย เพราะเห็นความผิดปกติในการทำงานของ กกต.ประจำจังหวัดตรังแล้วว่าคงไม่กล้าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และเชื่อว่าในโลกนี้คงไม่มีผู้สมัครของพรรคการเมืองใดถูกร้องเรียน จากการนำภาพและชื่อของกรรมการบริหารพรรค หรือคนสำคัญของพรรค ไปขึ้นป้ายหาเสียง
จึงมองว่าการทำหน้าที่ของ กกต.เหมือนรับใช้ใครบางคน เพราะพยานคนสำคัญของผู้ถูกร้องทาง กกต.กลับไม่ได้เรียกมาสอบปากคำ เรียกสอบแต่เฉพาะพยานของผู้ร้องเท่านั้น พร้อมย้ำว่าหากวันใดที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดให้ใบแดงนายพินิจ ตามความเห็นของ กกต.ออกมา ในวันนั้นการเมืองในจังหวัดตรังจะมีปรากฏการณ์ความจริงวันนี้เกิดขึ้น