นครศรีธรรมราช - เมืองคอนสังเวยอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว 4 รายเจ็บอีก 54 เกิดเหตุ 46 ครั้ง ยอดสูญเสีย 10.7 ล้านบาท ด้านสภาพอากาศมีฝนตกน้ำป่าทะลักท่วม เรือน้ำมันล่มกลางอ่าวไทยสูญหาย 2 รอด 4 เดชะบุญแท้งจุ 3 แสนลิตรไร้น้ำมัน
วันนี้ (3 ม.ค.) ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปผลการปฏิบัติงานรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตราย ของการดำเนินงานตั้งแต่ วันที่ 30 ธันวาคม 2551- วันที่ 1 มกราคม 2552 โดย 4 วันที่ ผ่านมาปรากฎว่า ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดเกิดขึ้นในเฉพาะวันที่ 2 ม.ค. 2552 ที่ผ่านมาอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้น 8 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 7 คน รวม 4 วันเกิดอุบัติเหตุ 46 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต รวม 4 ราย เป็นชาย 3 คน และหญิง 1 คน มีผู้บาดเจ็บ 54คน เป็นชาย 37 คนและหญิง 17 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 10.7 ล้านบาท
สำหรับผู้เสียชีวิตประกอบด้วย อ.บางขัน 2 คนคือนางสิริขวัญ คงศรีรินทร์ อายุ 21 ปี และ ด.ช.สรวิศ สุดปะกิ่ง อายุ 9 เดือน สองแม่ลูกโดยนางสิริขวัญขับรถจักรยานยนต์เร็วเกินกำหนด ทำให้รถเสียหลักตกคูถนน อ.พรหมคีรี 1 รายคือนายกิตติวรณ์ จงรักษา อายุ 19 ปี เมาสุราเดิน ข้ามถนนรถชนเสียชีวิต และรายสุดท้ายที่ อ.หัวไทร นายณรงค์วุฒิ จันทร์เขียว อายุ 25 ปี ขับรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยประสบอุบัติเหตุ
ส่วนกรณีฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่เทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช ทำให้น้ำไหลทะลักลงมาในแม่น้ำลำคลองส่งผลให้เอ่อท่วมถนนหนทาง พื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนจำนวนมาก และยังไหลเข้าสู่พื้นที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชอย่างรวดเร็ว หากฝนยังไม่หยุดตกจะเกิดผลกระทบกับประชาชนเป็นบริเวณกว้างอย่างแน่นอน
นายปราโมทย์ ช่วยบุญชู รองหัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยานครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายวันในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนี้ เป็นผลมาจากประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศสูง ประกอบกับมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยความเร็วของลมอยู่ที่ 20-40 กม/ชม. และทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ลงไปถึง จ.นราธิวาส จะต้องระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ถึงวันที่ 4 มกราคม 2552 และเรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง
"อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ลาดเชิงเขา พื้นที่ราบลุ่ม ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดและเตรียมขนย้ายทรัพย์สินไว้ในที่ปลอดภัย" นายปราโมทย์กล่าว
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น.ของวันเดียวกัน พ.ต.ท.ก.จารุ สังขมรรทร รอง ผกก.6 บก.รน.(ตำรวจน้ำ) รับแจ้งว่ามีเรือบรรทุกน้ำมันสำหรับเติมเรือประมง (เรือแทงเกอร์) ประสบอุบัติเหตุอับปางบริเวณระหว่างรอยต่อเกาะสมุยและ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ที่พิกัด แลตติจูด 9 องศา 00 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 100 องศา 40 ลิปดาตะวันออก มีลูกเรือขอความช่วยเหลือจำนวนมาก หลังจากนั้นจึงเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยเรือเร็วตรวจการ พบว่าเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าวคือเรือ โฟร์โมสต์ 1 มีความยาว 34 เมตร เป็นเรือสถานีบริการน้ำมันขนาดความจุ 3 แสนลิตร สภาพพลิกคว่ำจมติดกับระดับน้ำทะเล ในสภาพที่คลื่นลมกระหน่ำอย่างรุนแรงพร้อมด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
เบื้องต้นได้มีเรือบรรทุกน้ำมันอีกลำคือเรือทองวัฒนา 8 มีนายสายชล ขาวเกวียน เป็นกัปตันเรือที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงประสบเหตุเข้ามาให้การช่วยเหลือลูกเรือสถานีบริการน้ำมันดังกล่าวไว้ได้รวม 4 คน คือนายนที กวินธวีกุล กัปตันเรือ นายสเวน ทองวัน นายศรเพชร อ่วมประเสริฐ และนายนิพันธ์ เสือเหลือง ทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรย โดยยังมีลูกเรือที่ยังไม่ทราบชื่อสูญหายอีก 2 คน ซึ่งไม่ทราบชะตากรรมเบื้องต้นนั้นเชื่อว่าอาจจมน้ำเสียชีวิตไปแล้ว
อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุในเบื้องต้นนั้นพบว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นได้มีคลื่นลมกระโชกอย่างรุนแรงระดับคลื่นสูงกว่า 5 เมตรพัดเรือสถานีน้ำมันที่จ่ายน้ำมันจนเกือบหมดแล้วเหลือเพียงราว 1 พันลิตร ซึ่งมีความเบาไม่สามารถทานแรงคลื่นได้อับปางลงในที่สุด ในขณะที่เรือทองวัฒนา 8 ที่อยู่ใกล้กันนั้นได้ช่วยเหลือลูกเรือไว้ได้ 4 คนสูญหายอีก 2 คน ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นนับล้านบาทและโชคดีที่น้ำมันได้จ่ายออกไปจนเกือบหมดแล้วไม่เช่นนั้นจะสร้างมลภาวะในบริเวณดังกล่าวอย่างรุนแรง
วันนี้ (3 ม.ค.) ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปผลการปฏิบัติงานรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วง 7 วันอันตราย ของการดำเนินงานตั้งแต่ วันที่ 30 ธันวาคม 2551- วันที่ 1 มกราคม 2552 โดย 4 วันที่ ผ่านมาปรากฎว่า ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีอุบัติเหตุทางถนนในจังหวัดเกิดขึ้นในเฉพาะวันที่ 2 ม.ค. 2552 ที่ผ่านมาอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้น 8 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 7 คน รวม 4 วันเกิดอุบัติเหตุ 46 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต รวม 4 ราย เป็นชาย 3 คน และหญิง 1 คน มีผู้บาดเจ็บ 54คน เป็นชาย 37 คนและหญิง 17 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 10.7 ล้านบาท
สำหรับผู้เสียชีวิตประกอบด้วย อ.บางขัน 2 คนคือนางสิริขวัญ คงศรีรินทร์ อายุ 21 ปี และ ด.ช.สรวิศ สุดปะกิ่ง อายุ 9 เดือน สองแม่ลูกโดยนางสิริขวัญขับรถจักรยานยนต์เร็วเกินกำหนด ทำให้รถเสียหลักตกคูถนน อ.พรหมคีรี 1 รายคือนายกิตติวรณ์ จงรักษา อายุ 19 ปี เมาสุราเดิน ข้ามถนนรถชนเสียชีวิต และรายสุดท้ายที่ อ.หัวไทร นายณรงค์วุฒิ จันทร์เขียว อายุ 25 ปี ขับรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัยประสบอุบัติเหตุ
ส่วนกรณีฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันในพื้นที่เทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช ทำให้น้ำไหลทะลักลงมาในแม่น้ำลำคลองส่งผลให้เอ่อท่วมถนนหนทาง พื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนจำนวนมาก และยังไหลเข้าสู่พื้นที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชอย่างรวดเร็ว หากฝนยังไม่หยุดตกจะเกิดผลกระทบกับประชาชนเป็นบริเวณกว้างอย่างแน่นอน
นายปราโมทย์ ช่วยบุญชู รองหัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยานครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าฝนที่ตกลงมาติดต่อกันหลายวันในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในขณะนี้ เป็นผลมาจากประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศสูง ประกอบกับมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้ลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยความเร็วของลมอยู่ที่ 20-40 กม/ชม. และทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ลงไปถึง จ.นราธิวาส จะต้องระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ถึงวันที่ 4 มกราคม 2552 และเรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง
"อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย พื้นที่ลาดเชิงเขา พื้นที่ราบลุ่ม ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดและเตรียมขนย้ายทรัพย์สินไว้ในที่ปลอดภัย" นายปราโมทย์กล่าว
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น.ของวันเดียวกัน พ.ต.ท.ก.จารุ สังขมรรทร รอง ผกก.6 บก.รน.(ตำรวจน้ำ) รับแจ้งว่ามีเรือบรรทุกน้ำมันสำหรับเติมเรือประมง (เรือแทงเกอร์) ประสบอุบัติเหตุอับปางบริเวณระหว่างรอยต่อเกาะสมุยและ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ที่พิกัด แลตติจูด 9 องศา 00 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 100 องศา 40 ลิปดาตะวันออก มีลูกเรือขอความช่วยเหลือจำนวนมาก หลังจากนั้นจึงเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยเรือเร็วตรวจการ พบว่าเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าวคือเรือ โฟร์โมสต์ 1 มีความยาว 34 เมตร เป็นเรือสถานีบริการน้ำมันขนาดความจุ 3 แสนลิตร สภาพพลิกคว่ำจมติดกับระดับน้ำทะเล ในสภาพที่คลื่นลมกระหน่ำอย่างรุนแรงพร้อมด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
เบื้องต้นได้มีเรือบรรทุกน้ำมันอีกลำคือเรือทองวัฒนา 8 มีนายสายชล ขาวเกวียน เป็นกัปตันเรือที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงประสบเหตุเข้ามาให้การช่วยเหลือลูกเรือสถานีบริการน้ำมันดังกล่าวไว้ได้รวม 4 คน คือนายนที กวินธวีกุล กัปตันเรือ นายสเวน ทองวัน นายศรเพชร อ่วมประเสริฐ และนายนิพันธ์ เสือเหลือง ทั้งหมดอยู่ในสภาพอิดโรย โดยยังมีลูกเรือที่ยังไม่ทราบชื่อสูญหายอีก 2 คน ซึ่งไม่ทราบชะตากรรมเบื้องต้นนั้นเชื่อว่าอาจจมน้ำเสียชีวิตไปแล้ว
อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุในเบื้องต้นนั้นพบว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นได้มีคลื่นลมกระโชกอย่างรุนแรงระดับคลื่นสูงกว่า 5 เมตรพัดเรือสถานีน้ำมันที่จ่ายน้ำมันจนเกือบหมดแล้วเหลือเพียงราว 1 พันลิตร ซึ่งมีความเบาไม่สามารถทานแรงคลื่นได้อับปางลงในที่สุด ในขณะที่เรือทองวัฒนา 8 ที่อยู่ใกล้กันนั้นได้ช่วยเหลือลูกเรือไว้ได้ 4 คนสูญหายอีก 2 คน ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นนับล้านบาทและโชคดีที่น้ำมันได้จ่ายออกไปจนเกือบหมดแล้วไม่เช่นนั้นจะสร้างมลภาวะในบริเวณดังกล่าวอย่างรุนแรง