ตรัง – ชาวประมงบ้านหาดยาว เมืองลุง พบซากพะยูนตายในลักษณะท่อนหางติดอวนลากปริงของชาวบ้าน ก่อนนำซากพะยูนไปผ่าพิสูจน์ ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จ.ภูเก็ต แต่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ไม่ให้นำออกพื้นที่อ้างเป็นสัตว์สงวน ก่อนส่งตรวจสอบหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด ที่ ม.ราชมงคลศรีวิชัย เขตการศึกษาตรัง
วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายอะเบ็น สักหลาด อายุ 52 ปี ชาวประมงพื้นบ้านหมู่ที่ 6 บ้านหาดยาว ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง ว่า ขณะที่ตนเองพร้อมลูกเรือได้ออกทะเลหาปลาหลังเขียว โดยล่องไปตามคลองบ้านพร้าว บริเวณแหลมจุโหย หมู่ที่ 5 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ได้พบซากพะยูนตายในลักษณะท่อนหางติดอวนลากปริงของชาวบ้าน
ดังนั้น ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันนำซากพะยูน พร้อมอวนลากปริงดังกล่าวขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วเอาขึ้นเรือประมงนำมาขึ้นฝั่ง ที่บริเวณท่าเทียบเรือหาดยาว พร้อมทั้งได้โทรศัพท์แจ้งประสานไปยัง นายสมชาย พ่วงบุรี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 6 บ้านหาดยาว ต.เกาะลิบง อ.กันตัง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ต.เกาะลิบง ให้เดินทางมาช่วยทำการตรวจสอบ
เบื้องต้นว่า พะยูนตัวดังกล่าวเป็นเพศเมีย อายุ 3 ปี มีความยาว 2.44 เมตร วัดรอบตัวได้ 1.73 เมตร หนักประมาณ 300 กิโลกรัมเศษ สภาพซากยังสมบูรณ์ และยังไม่มีกลิ่นเน่า คาดว่า น่าจะตายมาแล้วประมาณ 1 คืน จากนั้น นายสมชาย ก็ได้แจ้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จ.ภูเก็ต เพื่อที่จะนำซากพะยูนไปทำการผ่าพิสูจน์ตามขั้นตอน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านกำลังขนซากพะยูน จนถึงบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย เขตการศึกษาตรัง ต.ไม้ฝาด ก็ได้รับการประสานจาก ร.ต.ท.เทพสิน สะอาดอุตม์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.สิเกา ว่า ให้นำซากพะยูนตัวดังกล่าวมาส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เนื่องจากเป็นสัตว์ป่าสงวนแห่งชาติ ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ได้ หากไม่ได้รับการอนุญาต มิเช่นนั้นจะมีความผิด
จากนั้น นายสมชาย ก็ได้นำซากพะยูนเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา พร้อมเจรจาพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่อุทยาน ซึ่งยืนยันไม่ยอมให้พาไปไหนท่าเดียว ทั้งๆ ที่ผ่านมา ไม่เคยสนใจดูและอนุรักษ์พะยูนเลย แถมยังพยายามหาทางปิดข่าวการตายมาโดยตลอด แต่ต่อมาก็สามารถพูดจาตกลงกันได้ว่า จะมีการนำซากพะยูนตัวดังกล่าวไปทำการตรวจสอบหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด ที่มหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย เขตการศึกษาตรัง
สำหรับบริเวณพื้นที่แหลมจุโหย จุดที่พบพะยูนตายตัวล่าสุดนี้ ถือเป็นแหล่งอาศัยที่สำคัญของพะยูนฝูงสุดท้ายในท้องทะเลตรัง โดยในปี 2551 จากรายงานข่าวพบว่า มีพะยูนตายลงไปแล้ว 3 ตัว โดยตัวแรกเป็นพะยูน เพศผู้ อายุประมาณ 3 ปี มีความยาว 1.61 เมตร และมีน้ำหนัก 96.5 กิโลกรัม พบซากที่บริเวณชายฝั่งหมู่ที่ 5 ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา ส่วนสาเหตุการตายคาดว่าน่าจะเกิดมาจากเครื่องมือประมง
ตัวที่ 2 เป็นพะยูนเพศผู้ อายุประมาณ 2-3 ปี มีความยาว 1.52 เมตร และมีน้ำหนัก 61.5 กิโลกรัม พบซากที่บริเวณชายฝั่ง ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ ส่วนสาเหตุการตายคาดว่า น่าจะเกิดมาจากเครื่องมือประมงเช่นกัน และพะยูนตัวล่าสุดที่ตายลงในปีนี้ถือเป็นตัวที่ 3 แล้ว ในขณะที่จำนวนฝูงพะยูนของ จ.ตรัง ในปัจจุบันมีตัวเลขไม่ชัดเจน แต่คาดว่าจะยังหลงเหลืออยู่ประมาณ 100-120 ตัว