นราธิวาส - พ่อเมืองนราเผยประชาชนพอใจการทำงานเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เร่งแก้ปัญหาและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่าขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่รู้สึกพอใจกับการทำงานของเหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในการแก้ปัญหาความไม่สงบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองมีการขยายผล และตามความคืบหน้าทางคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ก็พอใจและต้องการรับทราบข้อมูลในการขยายผลทุกครั้ง โดยหลังจากนี้ทางจังหวัดจะดำเนินการเป็นนโยบายในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าทางคดีต่างเดือนละ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสยังได้กล่าวถึงผลจากการจับกุมนายตูรีดี มะดง และนายมะรอเซะ ดือราแม สองผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด 2 จุดในพื้นที่ อ.สุคีริน ด้วยว่าจากการรับสารภาพของ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาทำให้ได้ทราบว่ายังคงมีการปลูกฝังแนวความคิดโดยบิดเบือนหลักการทางศาสนา และการปฏิบัติงานโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งแม้ในขณะนี้ผู้ต้องหาจะเห็นถึงความจริงใจในการเข้ามาปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายแล้วแต่ก็ไม่สามารถออกจากขบวนการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้
ดังนั้น จากกรณีดังกล่าวทำให้เห็นว่าการทำงานในพื้นที่จำเป็นต้องดำเนินการพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน คือ ปฏิบัติการเชิงรุกในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์องค์กรตลอดจนบุคลากร และเจ้าหน้าที่ของทุกฝ่ายเบื้องต้นจะได้ลดจำนวนประชาชนที่เข้าใจเจ้าหน้าที่รัฐผิด จนนำไปสู่การเข้าร่วมเป็นกลุ่มผู้ก่อความไมสงบในพื้นที่
วันนี้ (16 ธ.ค.) นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่าขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่รู้สึกพอใจกับการทำงานของเหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในการแก้ปัญหาความไม่สงบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองมีการขยายผล และตามความคืบหน้าทางคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ก็พอใจและต้องการรับทราบข้อมูลในการขยายผลทุกครั้ง โดยหลังจากนี้ทางจังหวัดจะดำเนินการเป็นนโยบายในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าทางคดีต่างเดือนละ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสยังได้กล่าวถึงผลจากการจับกุมนายตูรีดี มะดง และนายมะรอเซะ ดือราแม สองผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิด 2 จุดในพื้นที่ อ.สุคีริน ด้วยว่าจากการรับสารภาพของ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาทำให้ได้ทราบว่ายังคงมีการปลูกฝังแนวความคิดโดยบิดเบือนหลักการทางศาสนา และการปฏิบัติงานโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งแม้ในขณะนี้ผู้ต้องหาจะเห็นถึงความจริงใจในการเข้ามาปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายแล้วแต่ก็ไม่สามารถออกจากขบวนการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้
ดังนั้น จากกรณีดังกล่าวทำให้เห็นว่าการทำงานในพื้นที่จำเป็นต้องดำเนินการพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน คือ ปฏิบัติการเชิงรุกในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์องค์กรตลอดจนบุคลากร และเจ้าหน้าที่ของทุกฝ่ายเบื้องต้นจะได้ลดจำนวนประชาชนที่เข้าใจเจ้าหน้าที่รัฐผิด จนนำไปสู่การเข้าร่วมเป็นกลุ่มผู้ก่อความไมสงบในพื้นที่