พธม.เมืองภูเก็ตรอดูการจับขั้วทางการเมือง ปชป. - เตรียมประชุมกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวต่อ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมืองภูเก็ต ร่วมทำบุญตักบาตรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอุทิศส่วนกุศลให้กับพันธมิตรฯ ที่เสียชีวิตจากการเข้าร่วมชุมชุม พร้อมรอดูการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ระบุรัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่สามารถทำอะไรได้

เมื่อเช้าวันนี้ (10 ธ.ค.) ที่พุทธอุทยานยอดเขานาคเกิด ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมืองภูเก็ตจำนวนหนึ่ง ได้รวมนำสิ่งของทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 294 รูป ซึ่งเป็นพระธุดงค์ที่มาร่วมประกอบพิธีปริวาสกรรมและการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-10 ธ.ค.51 นำโดยนางสาวอาภารัตน์ ชาติชุติกำจร ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมืองภูเก็ต นายกฤช เทพบำรุง หนึ่งในแกนนำ และกลุ่มพันธมิตรฯเมืองภูเก็ต

นางสาวอาภารัตน์ กล่าวว่า การร่วมทำบุญในวันนี้ซึ่งถือว่าเป็นวันดี เพราะเป็นวันที่ประชาชนคนไทยมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และการทำบุญในครั้งนี้ เป็นการทำบุญให้ชาติ ศาสนา รวมทั้งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอุทิศส่วนกุศลให้กับพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เสียชีวิตจากการเข้าร่วมชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐบาลทรราช เพื่อให้พี่น้องเหล่านั้นไปสู่สุคติ

นางสาวอาภารัตน์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากนี้ด้วยว่าจะเฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างใกล้ชิดต่อไป รวมทั้งจะมีการประชุมกันในเร็วๆ นี้เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมืองภูเก็ต

ส่วนเรื่องของการเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาลนั้น นางสาวอาภารัตน์ กล่าวว่า ตอนนี้คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามมากๆ ในการที่จะจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ามันจะไปได้ตามกฎหมายขนาดไหน เพราะยังมี ส.ว.บางส่วนยังมองเห็นแย้งอยู่ว่าในสิทธิตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ในสถานะที่เคลื่อนไหวตรงนี้ยังไม่ได้ ก็ต้องอยู่ที่ทางศาลรัฐธรรมนูญตีความตรงนี้ออกมา และหากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการเปิดสภาและการที่พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลไม่ผิด ก็ต้องดูประชาธิปัตย์ว่าเค้าจะเคลื่อนไหวไปยังไง

“หากศาลรัฐธรรมนูญตีความออกมาว่าสภาครั้งนี้จัดตั้งมาไม่ถูกต้องเพราะมีบางสิ่งบางอย่างซึ่งยังขัดอยู่กับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตรงนี้ก็ต้องดูอีกว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และประชาชนจะเคลื่อนไหวอย่างไร

ส่วนในเรื่องการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองนั้น ถ้ามองโดยรวมการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองก็ถือว่า ให้พรรคประชาธิปัตย์ลองดูกับการมีส่วนในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะว่าที่ผ่านมารัฐบาลชุดที่แล้วไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ในการที่จะเคลื่อนไหว ดูแลประเทศ เพราะตอนนี้เราจะต้องเจอกับปัญหาหนักๆ ก็คือเรื่องเศรษฐกิจของโลกในปีหน้า หรือในเวลาอันใกล้ที่จะมาถึง แต่ถ้าเกิดเรามีรัฐบาลที่ไม่แข็งเอาเลยประเทศเราแย่แน่ และคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์คงเอาคนนอกที่มีฝีมือเข้ามาร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ด้วย

“อย่ามองแต่กลุ่มการเมืองที่เข้ามาจับขั้วกันเท่านั้น ขอให้คิดถึงประเทศเป็นหลัก คือ ต้องอาศัยคนนอกที่มีความสามารถเข้ามาร่วมในการขับเคลื่อน เพื่อพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจของโลกให้ได้ในปีสองปีข้างหน้า”