นราธิวาส – ฝนถล่ม จ.นราธิวาส รอบสองทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลังของ จ.นราธิวาส ทั้ง 3 สายซึ่งล้นตลิ่งอยู่แล้วมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนต่างทยอยเดินทางไปอาศัยในที่ปลอดภัย แล้ว
วันนี้ (8 ธ.ค.) ภาวะน้ำท่วมพื้นที่ จ.นราธิวาสแจ้งว่า ได้มีภาวะฝนตกลงมาอย่างหนักอีกระลอกแพรปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ภาวะปริมาณน้ำป่าซึ่งมีความอิ่มตัวบนเทือกเขาสันกาลาคีรีในพื้นที่ อ.สุคีริน ได้ไหลทะลักลงมาสมทบอย่างรวดเร็วกับปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของแม่น้ำสายหลัก ซึ่งล้นตลิ่งอยู่แล้ว มีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฏรและพื้นที่ทางการเกษตรที่ปลูกสร้างอาศัยอยู่ในบริเวณตลอดแนวริมตลิ่ง และพื้นที่ราบลุ่มของ 3 อำเภอ คือ สุไหงโก-ลก แว้ง และตากใบ เป็นละลอกที่ 2 แล้ว
โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนของราษฏร 18 ตำบล 122 หมู่บ้าน สูงโดยเฉลี่ย 80-100 ซม. ซึ่งในช่วงคืนที่ผ่านมา และในช่วงเช้าวันนี้ (8 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำเรือท้องแบนอพยพชาวบ้านและสิ่งของสัมภาระที่จำเป็น มาอาศัยอยู่ชั่วคราวยังสถานที่ราชการ และเต็นส์ที่กางไว้ริมถนน หลังเจ้าหน้าที่ประเมินว่าภาวะฝนตกในครั้งนี้จะเกิดภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่อีกละลอก
นอกจากนี้ ในส่วนของราษฏรที่อาศัยอยู่แถบบริเวณที่ราบลุ่มของแม่น้ำสายหลักอีก 2 สาย คือ แม่น้ำบางนรา และสายบุรีนั้น ซึ่งภาวะน้ำท่วมขังบ้านเรือนของราษฏรส่วนใหญ่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เหลือเพียง 21 ตำบล 179 หมู่บ้าน ที่ยังมีภาวะน้ำท่วมขังโดยมีความสูงโดยเฉลี่ย 30 ซ.ม.และเมื่อมีภาวะฝนตกลงมาอีกละลอกในครั้งนี้ ส่งผลทำให้ราษฏรจำนวนหนึ่งเริ่มที่จะอพยพสมาชิกในครัวเรือน และสิ่งของจำเป็นไปอาศัยตามบ้านเครือญาติชั่วคราวแล้วเช่นกัน
ในส่วนของความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมละลอกแรก 593 หมู่บ้าน 77 ตำบล 13 อำเภอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการสำรวจในเบื้องต้นแล้ว มีมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท พร้อมทั้งได้จัดเตรียมทำงบประมาณเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนหลังภาวะน้ำท่วมขังกลับคืนสู่สภาวะปกติ
วันนี้ (8 ธ.ค.) ภาวะน้ำท่วมพื้นที่ จ.นราธิวาสแจ้งว่า ได้มีภาวะฝนตกลงมาอย่างหนักอีกระลอกแพรปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ภาวะปริมาณน้ำป่าซึ่งมีความอิ่มตัวบนเทือกเขาสันกาลาคีรีในพื้นที่ อ.สุคีริน ได้ไหลทะลักลงมาสมทบอย่างรวดเร็วกับปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของแม่น้ำสายหลัก ซึ่งล้นตลิ่งอยู่แล้ว มีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของราษฏรและพื้นที่ทางการเกษตรที่ปลูกสร้างอาศัยอยู่ในบริเวณตลอดแนวริมตลิ่ง และพื้นที่ราบลุ่มของ 3 อำเภอ คือ สุไหงโก-ลก แว้ง และตากใบ เป็นละลอกที่ 2 แล้ว
โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนของราษฏร 18 ตำบล 122 หมู่บ้าน สูงโดยเฉลี่ย 80-100 ซม. ซึ่งในช่วงคืนที่ผ่านมา และในช่วงเช้าวันนี้ (8 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำเรือท้องแบนอพยพชาวบ้านและสิ่งของสัมภาระที่จำเป็น มาอาศัยอยู่ชั่วคราวยังสถานที่ราชการ และเต็นส์ที่กางไว้ริมถนน หลังเจ้าหน้าที่ประเมินว่าภาวะฝนตกในครั้งนี้จะเกิดภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่อีกละลอก
นอกจากนี้ ในส่วนของราษฏรที่อาศัยอยู่แถบบริเวณที่ราบลุ่มของแม่น้ำสายหลักอีก 2 สาย คือ แม่น้ำบางนรา และสายบุรีนั้น ซึ่งภาวะน้ำท่วมขังบ้านเรือนของราษฏรส่วนใหญ่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เหลือเพียง 21 ตำบล 179 หมู่บ้าน ที่ยังมีภาวะน้ำท่วมขังโดยมีความสูงโดยเฉลี่ย 30 ซ.ม.และเมื่อมีภาวะฝนตกลงมาอีกละลอกในครั้งนี้ ส่งผลทำให้ราษฏรจำนวนหนึ่งเริ่มที่จะอพยพสมาชิกในครัวเรือน และสิ่งของจำเป็นไปอาศัยตามบ้านเครือญาติชั่วคราวแล้วเช่นกัน
ในส่วนของความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมละลอกแรก 593 หมู่บ้าน 77 ตำบล 13 อำเภอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำการสำรวจในเบื้องต้นแล้ว มีมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท พร้อมทั้งได้จัดเตรียมทำงบประมาณเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนหลังภาวะน้ำท่วมขังกลับคืนสู่สภาวะปกติ
