นราธิวาส – จังหวัดนราธิวาสประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 12 อำเภอ เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน เฝ้าสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
วันนี้ (1 ธ.ค.) สถานการณ์จากสภาวะฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส หลายแห่งยังคงมีน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศพื้นที่ใน 12 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินเนื่องจากสถานการณ์อุทุกภัย โดยยกเว้นเพียงอำเภอยี่งอ ซึ่งทั้ง 12 อำเภอนั้นส่วนใหญ่น้ำเข้าท่วมขังพื้นที่ราบลุ่มตามแนวแม่น้ำ และเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่ทางการเกษตร พืชสวน พืชไร่ได้รับความเสียหาย
ด้าน นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งมีน้ำท่วมขังตามบ้านเรือนของประชาชน แต่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่เนื่องจากเกรงว่าทรัพย์สินเสียหายและขอที่จะอยู่ในพื้นที่ก่อน ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นให้ทำการอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันที
ส่วนบริเวณโรงเรียนเทศบาล 4 อ.สุไหงโก-ลก ประชาชนในพื้นที่แนวลุ่มแม่น้ำสุไหงโก-ลก ยังคงอพยพเข้ามาอาศัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมแล้วกว่า 100 ครอบครัว โดยทางอำเภอมีการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งการอุปโภคบริโภคอาหารต่างๆ
วันนี้ (1 ธ.ค.) สถานการณ์จากสภาวะฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส หลายแห่งยังคงมีน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศพื้นที่ใน 12 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินเนื่องจากสถานการณ์อุทุกภัย โดยยกเว้นเพียงอำเภอยี่งอ ซึ่งทั้ง 12 อำเภอนั้นส่วนใหญ่น้ำเข้าท่วมขังพื้นที่ราบลุ่มตามแนวแม่น้ำ และเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่ทางการเกษตร พืชสวน พืชไร่ได้รับความเสียหาย
ด้าน นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งมีน้ำท่วมขังตามบ้านเรือนของประชาชน แต่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่เนื่องจากเกรงว่าทรัพย์สินเสียหายและขอที่จะอยู่ในพื้นที่ก่อน ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นให้ทำการอพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยทันที
ส่วนบริเวณโรงเรียนเทศบาล 4 อ.สุไหงโก-ลก ประชาชนในพื้นที่แนวลุ่มแม่น้ำสุไหงโก-ลก ยังคงอพยพเข้ามาอาศัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมแล้วกว่า 100 ครอบครัว โดยทางอำเภอมีการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งการอุปโภคบริโภคอาหารต่างๆ
