“เมืองไทยประกันภัย”พุ่งเป้าขยายฐานลูกค้า 3 จชต.

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - บมจ.เมืองไทยประกันภัย เดินสายขยายตลาดภูมิภาค บุกตลาดภาคใต้ เพื่อขยายฐานลูกค้าซึ่งปัจจุบันมีเบี้ยประกันสูงสุดในตลาดภูมิภาคถึง 500 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์แบบประกันที่ตอบเสนอลูกค้าอย่างตรงเป้าหมาย พร้อมพัฒนาอบรมตัวแทนให้มีคุณภาพ เพิ่มพันธมิตรทางการค้าและศูนย์ให้บริการแก่ลูกค้าครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งประสบทั้งปัญหาเศรษฐกิจและความไม่สงบแต่กลับไม่ได้ส่งผลต่อยอดขาย หลังพบว่าปีนี้มีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นกว่า 10% เตรียมเข็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เอาใจจังหวัดชายแดนใต้

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯได้มีการควบกิจการระหว่างบริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด และได้ดำเนินธุรกิจในนาม บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว ได้ตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ ภายใน 3 ปี และเป็นบริษัทฯ ที่บริหารงานด้วยความโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ ภายหลังจาการควบรวมกิจการ บริษัทฯ มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นการขยายตลาดในภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในการขยายตลาด เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจตอนใต้ที่สำคัญของประเทศ โดยปัจจุบันมีเบี้ยประกันภัย 500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตมากที่สุดในตลาดภูมิภาค ด้วยมีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ประชาชนจึงต้องการความคุ้มครองอย่างสูง จึงเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯในการขยายฐานลูกค้า ด้วยการเสนอการบริการที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจแก่ประชาชนในภาคใต้

“สำหรับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุความไม่สงบนั้น เราจะดำเนินการออกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับ 3 จังหวัด ซึ่งคาดว่านำเสนอได้ภายในต้นเดือนหน้า ทั้งนี้สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้นั้น ไม่ได้ส่งผลให้ยอดขายของเราลดลงเลย เพราะปีนี้เบี้ยประกันภัยของเราเพิ่มขึ้น 10 % อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท เป็นที่น่าแปลกในเหมือนกัน เราจะมีสำนักงานตัวแทนใน 3 จังหวัดๆ ละ 1 ราย ซึ่งการรับลูกค้านั้นทางเราจะใช้หลักการเดียวกันกับในภาคอื่นๆ ไม่ได้เพิ่มความเข้มงวดลงไปเลย”นางนวลพรรณ กล่าวต่อและว่า

นอกจากนี้บริษัทได้เริ่มแผนงานการขยายพันธมิตรในการให้บริการ โดยเฉพาะอู่ซ่อมรถยนต์ต่างๆ ที่มีมาตรฐาน เพื่อรองรับการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันบริษัทฯมีอู่คู่สัญญาในภาคใต้จำนวน 76 แห่ง รวมทั้งบริษัทฯได้นำระบบเคลมออนไลน์มาใช้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการบริหารจัดการเคลม โดยในปีหน้าจะเพิ่มตัวแทน 50 รายเพิ่มจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% และสำนักงานตัวแทน 15 ราย

สำหรับมุมมองธุรกิจประกันภัยในปี 2552 นี้ นางนวลพรรณ กล่าวว่า แม้ว่าตลาดประกันภัยจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ด้วยสภาวะเศรษฐกิจประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ชะลอตัว ส่งผลต่อธุรกิจประกันภัยรถยนต์ในที่สุด ทว่าทางบริษัทฯไม่ได้ลงมาแข่งขันเรื่องราคามากเกินไปจนขาดทุน แต่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทุกไตรมาสที่ตอบสนองได้ในราคาก็สามารถต่อสู้เบี้ยกับคู่แข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้บริโภคน่าจะใช้หลักเกณฑ์หลายอย่างในการตัดสินใจ มีการอยู่แล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค นอกนั้นก็จะพัฒนาเรื่องของการให้บริการเช่น อู่ซ่อมรถหรือโรงพยาบาลที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น เฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งเมืองไทยประกันภัยครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่แล้ว

“ในปีหน้าลูกค้าให้ความสำคัญแก่การประกันภัยมาก เนื่องจากเขาคงคิดว่าไม่ควรจะมีความเสี่ยง และอะไรที่ประกันได้ที่ไม่ต้องเสียเงินของตัวเอง แค่เสียค่าเบี้ยครั้งเดียวก็ครอบคลุมป้องกันความเสี่ยงได้ลูกค้าก็คงจะทำอยู่ จึงมองว่าธุรกิจประกันภัยไม่น่าจะโดนกระทบมาก แต่ที่ต้องระวังคือเรื่องการลงทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจประกันภัย เพราะฉะนั้นการลงทุนต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง” นางนวลพรรณกล่าวทิ้งท้าย