นครศรีธรรมราช - มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ลงพื้นที่น้ำท่วมนครศรีฯ นำสิ่งของพระราชทานช่วยประชาชน ล่าสุดยังอ่วมสังเวยแล้ว 2 ศพ ส่วนบ่อกุ้งขาวกว่า 800 บ่อ จ่อวิกฤตพ่อค้าคนกลางฉวยโอกาสกดราคาซ้ำ
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ยังอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดนั้นฝนยังคงตกอย่างหนักเป็นระยะๆ ขณะที่พื้นที่ป่าเขานั้นฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในลำคลองระบายน้ำๆต่างยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างช้าๆ
ขณะที่พื้นที่รับน้ำต่างๆ นั้นได้อุ้มน้ำอย่างเต็มที่แล้ว หากมีสถานการณ์ฝนตกหนักอีกระลอกตามการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุฯ ในวันที่ 14-19 พ.ย.นี้จะก่อให้เกิดอุทกภัยขยายวงกว้างขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปรากฏว่าหัวหน้าส่วนราชการบางราย ได้กล่าวตำหนิผู้สื่อข่าวในพื้นที่อย่างรุนแรง โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวน้ำท่วมโรงพยาบาลท่าศาลา ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยอ้างเหตุผลว่าโรงพยาบาลท่าศาลาน้ำท่วมแค่ทางเข้าและเป็นที่ลุ่ม ซึ่งทำให้มีข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งตำหนิหัวหน้าส่วนราชการคนดังกล่าว
พร้อมทั้งชี้แจงและระบุถึงความเสียหายของโรงพยาบาลหลายส่วน โดยสถานการณ์วานนี้ พบว่ามีข้าราชการระดับสูงไปดูแค่หน้าโรงพยาบาลเท่านั้น ในขณะที่ภายในโรงพยาบาลมีการขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งผู้ป่วยอย่างอลหม่าน ทั้งยังมีการปิดบริการงานผู้ป่วยนอกอย่างสิ้นเชิง
ในวันเดียวกันนี้ ที่ศาลาประชาคม อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิ พร้อมด้วยกรรมการ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่มูลนิธิ เป็นผู้แทนพระองค์ นำสิ่งของและเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทาน เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอสิชลจำนวน 1,000 คน
สำหรับพื้นที่ อ.สิชล ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่รวม 9 ตำบล 110 หมู่บ้าน โดยในจำนวนนี้มีหมู่บ้านที่มีน้ำท่วมหนักถึงขั้นวิกฤต ราษฎรไม่สามารถออกจากบ้านพักได้บางส่วน จำนวน 39 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนประมาณ 9,000 ครัวเรือน 27,000 คน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายประมาณ 20,000 ไร่ คอสะพานขาด 6 แห่ง ถนนชำรุด 115 สายและท่อระบายน้ำขาดเสียหาย ประมาณ 60 แห่ง
อย่างไรก็ตาม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปตัวเลขความเสียหาย ในภาพรวมทั้งจังหวัดถึงขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัย รวม 11 อำเภอ 66 ตำบล 351 หมู่บ้าน ราษฏรได้รับความเดือดร้อน 23,116 ครัวเรือน รวม 68,718 คน มีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 2 ราย พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 19,862 ไร่ บ่อปลา/บ่อกุ้ง เสียหาย 321 บ่อ สัตว์เลี้ยงเดือดร้อนสูญหาย กว่า 15,000 ตัว ถนน,สะพาน/คอสะพาน,ฝาย,ท่อระบายน้ำ ชำรุดเสียหาย 291 แห่ง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น ประมาณ 28,200,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า บ่อเลี้ยงกุ้งขาวราว 800 บ่อในพื้นที่ อ.ขนอม อ.สิชล และ อ.ท่าศาลา ซึ่งมีกุ้งที่เลี้ยงไว้พร้อมออกจำหน่ายแล้วแต่อยู่ในภาวะราคากุ้งตกต่ำ จึงทำให้เกษตรกรดึงช่วงเวลาเพื่อต้องการให้ราคากุ้งสูงขึ้น แต่ปรากฏว่าได้เกิดอุทกภัยทำให้บ่อกุ้งเหล่านี้อยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างหนักพร้อมที่จะเกิดความเสียหายได้ทุกเวลา ทำให้เกษตรกรบางรายต้องเร่งเปิดกุ้งออกจำหน่ายยิ่งเป็นโอกาสให้พ่อค้าคนกลางกดราคาได้ง่ายขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ นายประเสริฐ ทองมั่ง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 8 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช นำลอบไปดักปลาที่ท่อระบายน้ำริมถนนสายบ้านท่าน้อย-คลองวัง หมู่ 8 ต.ควนทอง ได้ถูกกระแสน้ำป่าไหลทะลักลงจากภูเขาควนทองพัดจมน้ำหายไปแล้วจึงพบศพในเวลาต่อมา
ส่วนอีกรายคือ ด.ช.ธวัชชัย เลื่อนเส้ง อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/22 หมู่ 11 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา นักเรียนชั้น ม.1 ร.ร.ท่าศาลาประสิทธิ์ศึกษา เดินกลับจากโรงเรียนแวะเล่นน้ำกับเพื่อนๆช่วงเย็นวานนี้ ที่บริเวณริมถนนทางไป ม.วลัยลักษณ์ หมู่ 2 ต.โพธิ์ทอง และได้พลัดตกร่องน้ำที่ถูกกระแสน้ำพัดจนจมหายไปเสียชีวิต
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ยังอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดนั้นฝนยังคงตกอย่างหนักเป็นระยะๆ ขณะที่พื้นที่ป่าเขานั้นฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณน้ำในลำคลองระบายน้ำๆต่างยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างช้าๆ
ขณะที่พื้นที่รับน้ำต่างๆ นั้นได้อุ้มน้ำอย่างเต็มที่แล้ว หากมีสถานการณ์ฝนตกหนักอีกระลอกตามการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุฯ ในวันที่ 14-19 พ.ย.นี้จะก่อให้เกิดอุทกภัยขยายวงกว้างขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปรากฏว่าหัวหน้าส่วนราชการบางราย ได้กล่าวตำหนิผู้สื่อข่าวในพื้นที่อย่างรุนแรง โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวน้ำท่วมโรงพยาบาลท่าศาลา ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยอ้างเหตุผลว่าโรงพยาบาลท่าศาลาน้ำท่วมแค่ทางเข้าและเป็นที่ลุ่ม ซึ่งทำให้มีข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งตำหนิหัวหน้าส่วนราชการคนดังกล่าว
พร้อมทั้งชี้แจงและระบุถึงความเสียหายของโรงพยาบาลหลายส่วน โดยสถานการณ์วานนี้ พบว่ามีข้าราชการระดับสูงไปดูแค่หน้าโรงพยาบาลเท่านั้น ในขณะที่ภายในโรงพยาบาลมีการขนย้ายเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งผู้ป่วยอย่างอลหม่าน ทั้งยังมีการปิดบริการงานผู้ป่วยนอกอย่างสิ้นเชิง
ในวันเดียวกันนี้ ที่ศาลาประชาคม อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิ พร้อมด้วยกรรมการ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่มูลนิธิ เป็นผู้แทนพระองค์ นำสิ่งของและเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทาน เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอสิชลจำนวน 1,000 คน
สำหรับพื้นที่ อ.สิชล ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่รวม 9 ตำบล 110 หมู่บ้าน โดยในจำนวนนี้มีหมู่บ้านที่มีน้ำท่วมหนักถึงขั้นวิกฤต ราษฎรไม่สามารถออกจากบ้านพักได้บางส่วน จำนวน 39 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนประมาณ 9,000 ครัวเรือน 27,000 คน พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายประมาณ 20,000 ไร่ คอสะพานขาด 6 แห่ง ถนนชำรุด 115 สายและท่อระบายน้ำขาดเสียหาย ประมาณ 60 แห่ง
อย่างไรก็ตาม สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปตัวเลขความเสียหาย ในภาพรวมทั้งจังหวัดถึงขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัย รวม 11 อำเภอ 66 ตำบล 351 หมู่บ้าน ราษฏรได้รับความเดือดร้อน 23,116 ครัวเรือน รวม 68,718 คน มีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 2 ราย พื้นที่ทางการเกษตรเสียหาย 19,862 ไร่ บ่อปลา/บ่อกุ้ง เสียหาย 321 บ่อ สัตว์เลี้ยงเดือดร้อนสูญหาย กว่า 15,000 ตัว ถนน,สะพาน/คอสะพาน,ฝาย,ท่อระบายน้ำ ชำรุดเสียหาย 291 แห่ง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น ประมาณ 28,200,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า บ่อเลี้ยงกุ้งขาวราว 800 บ่อในพื้นที่ อ.ขนอม อ.สิชล และ อ.ท่าศาลา ซึ่งมีกุ้งที่เลี้ยงไว้พร้อมออกจำหน่ายแล้วแต่อยู่ในภาวะราคากุ้งตกต่ำ จึงทำให้เกษตรกรดึงช่วงเวลาเพื่อต้องการให้ราคากุ้งสูงขึ้น แต่ปรากฏว่าได้เกิดอุทกภัยทำให้บ่อกุ้งเหล่านี้อยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างหนักพร้อมที่จะเกิดความเสียหายได้ทุกเวลา ทำให้เกษตรกรบางรายต้องเร่งเปิดกุ้งออกจำหน่ายยิ่งเป็นโอกาสให้พ่อค้าคนกลางกดราคาได้ง่ายขึ้นไปอีก
ขณะเดียวกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ นายประเสริฐ ทองมั่ง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 8 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช นำลอบไปดักปลาที่ท่อระบายน้ำริมถนนสายบ้านท่าน้อย-คลองวัง หมู่ 8 ต.ควนทอง ได้ถูกกระแสน้ำป่าไหลทะลักลงจากภูเขาควนทองพัดจมน้ำหายไปแล้วจึงพบศพในเวลาต่อมา
ส่วนอีกรายคือ ด.ช.ธวัชชัย เลื่อนเส้ง อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/22 หมู่ 11 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา นักเรียนชั้น ม.1 ร.ร.ท่าศาลาประสิทธิ์ศึกษา เดินกลับจากโรงเรียนแวะเล่นน้ำกับเพื่อนๆช่วงเย็นวานนี้ ที่บริเวณริมถนนทางไป ม.วลัยลักษณ์ หมู่ 2 ต.โพธิ์ทอง และได้พลัดตกร่องน้ำที่ถูกกระแสน้ำพัดจนจมหายไปเสียชีวิต