พัทลุง - 3 ส.ส.เมืองลุง ส่งสัญญาณเตือนผู้ว่าฯ ยกเลิกสัญญาสัมปทานรังนกเก่า ขณะเดียวกันประกาศแก้ พ.ร.บ.รังนก แบ่งอากรเท่ากันทั้ง 74 อปท.
จากกรณีที่ศาลปกครองสงขลาสั่งระงับการประมูลรังนกนางแอ่น จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2551 ที่ผ่านมานั้น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายนริศ ขำนุรักษ์ และนางสาวสุพัชรี ธรรมเพชร 3 ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแสดงความเป็นห่วง เนื่องจากการประมูลรังนกนางแอ่น ขณะนี้ได้เกิดสุญญากาศอันเป็นช่องว่างให้ผู้มีบารมีในพื้นที่ได้กอบโกยผลประโยชน์เพียงส่วนตน แต่ลืมไปว่ารังนกนางแอ่นเป็นทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนคนเมืองลุงทุกคน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีข้างต้น นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ต้องพิจารณาและประเมินสถานการณ์ว่า ศาลปกครองสงขลาสั่งระงับการสัมปทานเป็นระยะเวลากี่ปี
การประเมินมีความจำเป็นมาก หากยืดเยื้อใช้เวลา 2-3 ปี และถ้าเป็นเช่นนี้ควรเรียกคณะกรรมการเข้ามาประชุมด่วน เพื่อยกเลิกเงื่อนไขเดิมในการสัมปทาน แล้วสร้างเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา และต้องเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้กว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษาก็ใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือ ระหว่างช่วงสูญญากาศมูลค่ารังนกนางแอ่นไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่อยู่ภายในถ้ำ ดังนั้นสิ่งที่กำลังเป็นห่วง คือ มันต้องมีคนกล้าที่จะเข้าไปขโมยมาอย่างแน่นอน
นายนิพิฏฐ์ ยังได้กล่าวอีกว่า ตนในฐานะ ส.ส.พัทลุงทั้งสามคนได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกนางแอ่น จังหวัดพัทลุง หลายครั้งแล้วว่า ต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนมากกว่านี้ และต้องทบทวนบทบาทของตนเอง โดยให้มีการยกเลิกสัญญาสัมปทานเก่า และเมื่อมีการยกเลิกแล้วเงื่อนไขในการฟ้องร้องก็หมด ศาลต้องจำหน่ายคดี หลังจากนั้นเริ่มต้นร่างสัญญาสัมปทานขึ้นมาใหม่ คาดว่าภายในสามเดือนจะได้ผู้สัมปทานรังนก เป็นการปิดช่องว่างสูญญากาศลงทันที
แต่มีข้อสังเกตที่น่าจับตามองว่า ทำไมต้องปล่อยปัญหาทิ้งไว้ หรือมีอะไรซ่อนอยู่ ส่วนความเสียหายที่เกิดกับรังนกอีแอ่น จังหวัดพัทลุงจะต้องรับผิดชอบ และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
อย่างไรก็ตาม รังนกนางแอ่นจังหวัดพัทลุงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มหรือองค์ใดประกาศตัวเข้ามาปกป้องและทำการอนุรักษ์ โดยเฉพาะเจ้าของพื้นที่ยังไม่เห็นความสำคัญ ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นมากกว่านี้ ทางตนทั้งสามคนมีความเห็นว่าจะต้องแก้ไข พ.ร.บ.รังนกนางแอ่น โดยจะแบ่งอากรรังนกนางแอ่นให้กับท้องถิ่นทั้ง 74 อปท.อย่างเท่าๆ กัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติขุมทรัพย์มหาศาลของจังหวัดพัทลุงต่อไป
จากกรณีที่ศาลปกครองสงขลาสั่งระงับการประมูลรังนกนางแอ่น จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2551 ที่ผ่านมานั้น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายนริศ ขำนุรักษ์ และนางสาวสุพัชรี ธรรมเพชร 3 ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแสดงความเป็นห่วง เนื่องจากการประมูลรังนกนางแอ่น ขณะนี้ได้เกิดสุญญากาศอันเป็นช่องว่างให้ผู้มีบารมีในพื้นที่ได้กอบโกยผลประโยชน์เพียงส่วนตน แต่ลืมไปว่ารังนกนางแอ่นเป็นทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนคนเมืองลุงทุกคน
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากกรณีข้างต้น นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดพัทลุง ต้องพิจารณาและประเมินสถานการณ์ว่า ศาลปกครองสงขลาสั่งระงับการสัมปทานเป็นระยะเวลากี่ปี
การประเมินมีความจำเป็นมาก หากยืดเยื้อใช้เวลา 2-3 ปี และถ้าเป็นเช่นนี้ควรเรียกคณะกรรมการเข้ามาประชุมด่วน เพื่อยกเลิกเงื่อนไขเดิมในการสัมปทาน แล้วสร้างเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา และต้องเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้กว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษาก็ใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือ ระหว่างช่วงสูญญากาศมูลค่ารังนกนางแอ่นไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่อยู่ภายในถ้ำ ดังนั้นสิ่งที่กำลังเป็นห่วง คือ มันต้องมีคนกล้าที่จะเข้าไปขโมยมาอย่างแน่นอน
นายนิพิฏฐ์ ยังได้กล่าวอีกว่า ตนในฐานะ ส.ส.พัทลุงทั้งสามคนได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกนางแอ่น จังหวัดพัทลุง หลายครั้งแล้วว่า ต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนมากกว่านี้ และต้องทบทวนบทบาทของตนเอง โดยให้มีการยกเลิกสัญญาสัมปทานเก่า และเมื่อมีการยกเลิกแล้วเงื่อนไขในการฟ้องร้องก็หมด ศาลต้องจำหน่ายคดี หลังจากนั้นเริ่มต้นร่างสัญญาสัมปทานขึ้นมาใหม่ คาดว่าภายในสามเดือนจะได้ผู้สัมปทานรังนก เป็นการปิดช่องว่างสูญญากาศลงทันที
แต่มีข้อสังเกตที่น่าจับตามองว่า ทำไมต้องปล่อยปัญหาทิ้งไว้ หรือมีอะไรซ่อนอยู่ ส่วนความเสียหายที่เกิดกับรังนกอีแอ่น จังหวัดพัทลุงจะต้องรับผิดชอบ และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
อย่างไรก็ตาม รังนกนางแอ่นจังหวัดพัทลุงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มหรือองค์ใดประกาศตัวเข้ามาปกป้องและทำการอนุรักษ์ โดยเฉพาะเจ้าของพื้นที่ยังไม่เห็นความสำคัญ ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นมากกว่านี้ ทางตนทั้งสามคนมีความเห็นว่าจะต้องแก้ไข พ.ร.บ.รังนกนางแอ่น โดยจะแบ่งอากรรังนกนางแอ่นให้กับท้องถิ่นทั้ง 74 อปท.อย่างเท่าๆ กัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติขุมทรัพย์มหาศาลของจังหวัดพัทลุงต่อไป
