ปัตตานี – ครู 3 จว.ชายแดนใต้เรียกร้องนายกรัฐมนตรีปรับเบี้ยเสี่ยงภัยครูในปีงบประมาณใหม่ วอนนายกฯให้ความสำคัญเรื่องนี้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ครูชายแดนใต้
วันนี้ (3 พ.ย.) นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า สิ่งที่ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอเรียกร้องต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในช่วงเปิดเทอมใหม่ปีงบประมาณใหม่นี้ คือ เรื่องการขอปรับเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยครูจาก 1000 บาท/เดือน เป็น 2,500 บาท/เดือน ในปีงบประมาณใหม่ตามนโยบายเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จ.ชายแดนภาคใต้
ขณะนี้ทราบว่า เรื่องการขอปรับเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยครูดังกล่าวทางสำนักงบประมาณได้เห็นชอบ และส่งเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อรอนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาอนุมัติแล้ว จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในเรื่องนี้และช่วยเร่งพิจารณาเรื่องเบี้ยเสี่ยงภัยครูโดยเร็ว เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับครูที่ยังคงเสี่ยงภัยทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกเรื่องที่ครูชายแดนภาคใต้อยากขอความเห็นใจจากรัฐบาลคือในเรื่องการประเมินปรับเพิ่มวิทยฐานะครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพบว่าในปีนี้มีครูในพื้นที่ไม่ผ่านการประเมินจำนวนมากสูงถึง 70-80% ซึ่งเพื่อนครูเข้าใจดีในเรื่องของหลักเกณฑ์การประเมินที่ทำให้ครูไม่ผ่านเกณฑ์
จึงอยากให้ทางภาครัฐสนับสนุนช่วยเหลือครูในพื้นที่ด้วย เพราะต้องยอมรับว่าสถานการณ์ความไม่สงบที่มีอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการต่างๆของครูในพื้นที่ เพราะมีข้อจำกัดจากความไม่ปลอดภัย การต้องเข้าออกโรงเรียนเป็นเวลา จึงส่งผลให้ครูมีเวลาในการทำงานน้อย ครูในพื้นที่ที่ขอปรับวิทยฐานะ จึงอยากขอความเห็นใจจากผู้ประเมินในการช่วยเหลือครูในพื้นที่ด้วย
นายบุญสม กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ตามแผนรักษาความปลอดภัยที่ได้ประชุมร่วมกันทั้งฝ่ายครู ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง โดยสิ่งที่ครูเป็นกังวลในเรื่องการรักษาความปลอดภัยครูในเทอมใหม่นี้ คือเรื่องการไม่รู้จักพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ใหม่ เพราะเป็นช่วงการสับเปลี่ยนกำลังพลใหม่มาประจำในพื้นที่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ใหม่จะต้องเร่งศึกษาให้รู้จักเส้นทางรวมถึงตัวบุคคลทั้งครู และผู้นำชุมชน เพื่อจะได้ประสานการทำงานรักษาความปลอดภัยครูได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่ล่อแหลมพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอ หรือรอยต่อระหว่างจังหวัด
วันนี้ (3 พ.ย.) นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า สิ่งที่ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอเรียกร้องต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในช่วงเปิดเทอมใหม่ปีงบประมาณใหม่นี้ คือ เรื่องการขอปรับเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยครูจาก 1000 บาท/เดือน เป็น 2,500 บาท/เดือน ในปีงบประมาณใหม่ตามนโยบายเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ 5 จ.ชายแดนภาคใต้
ขณะนี้ทราบว่า เรื่องการขอปรับเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยครูดังกล่าวทางสำนักงบประมาณได้เห็นชอบ และส่งเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อรอนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาอนุมัติแล้ว จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในเรื่องนี้และช่วยเร่งพิจารณาเรื่องเบี้ยเสี่ยงภัยครูโดยเร็ว เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับครูที่ยังคงเสี่ยงภัยทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกเรื่องที่ครูชายแดนภาคใต้อยากขอความเห็นใจจากรัฐบาลคือในเรื่องการประเมินปรับเพิ่มวิทยฐานะครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพบว่าในปีนี้มีครูในพื้นที่ไม่ผ่านการประเมินจำนวนมากสูงถึง 70-80% ซึ่งเพื่อนครูเข้าใจดีในเรื่องของหลักเกณฑ์การประเมินที่ทำให้ครูไม่ผ่านเกณฑ์
จึงอยากให้ทางภาครัฐสนับสนุนช่วยเหลือครูในพื้นที่ด้วย เพราะต้องยอมรับว่าสถานการณ์ความไม่สงบที่มีอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการต่างๆของครูในพื้นที่ เพราะมีข้อจำกัดจากความไม่ปลอดภัย การต้องเข้าออกโรงเรียนเป็นเวลา จึงส่งผลให้ครูมีเวลาในการทำงานน้อย ครูในพื้นที่ที่ขอปรับวิทยฐานะ จึงอยากขอความเห็นใจจากผู้ประเมินในการช่วยเหลือครูในพื้นที่ด้วย
นายบุญสม กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ตามแผนรักษาความปลอดภัยที่ได้ประชุมร่วมกันทั้งฝ่ายครู ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง โดยสิ่งที่ครูเป็นกังวลในเรื่องการรักษาความปลอดภัยครูในเทอมใหม่นี้ คือเรื่องการไม่รู้จักพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ใหม่ เพราะเป็นช่วงการสับเปลี่ยนกำลังพลใหม่มาประจำในพื้นที่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ใหม่จะต้องเร่งศึกษาให้รู้จักเส้นทางรวมถึงตัวบุคคลทั้งครู และผู้นำชุมชน เพื่อจะได้ประสานการทำงานรักษาความปลอดภัยครูได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่ล่อแหลมพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอ หรือรอยต่อระหว่างจังหวัด
