กระบี่ - ท่าอากาศยานกระบี่ ขอความร่วมมือ แจ้งก่อนปล่อยโคมลอย ในเทศกาลลอยกระทง หวั่นทำให้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ
ว่าที่ร้อยตรี อัธยา ลาภมาก ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ได้กล่าวว่า ปัจจุบันในช่วงเทศกาลสำคัญๆ จะมีประชาชนนิยมปล่อยโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ากันเป็นจำนวนมาก เพื่อความเป็นสิริมงคล และเกิดความสว่างไสวสวยงาม ในอดีตโคมลอยที่ปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าจะมีขนาดเล็กทำด้วยไม้ กระดาษสา และเชื้อเพลิงเพียงเล็กน้อย ลอยขึ้นไม่สูงมากและใช้เวลาลอยอยู่ไม่นานก็จะตกลงสู่พื้น แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาโคมลอย มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้วัสดุสังเคราะห์ เช่น เหล็กหรือพลาสติกมาเป็นโครงสร้าง พร้อมทั้งนำแอลกอฮอล์และก๊าซมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้โคมลอยสามารถลอยในระดับที่สูงมากยิ่งขึ้น ลอยอยู่เป็นเวลานานและไม่สามารถควบคุมทิศทางได้
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ได้กล่าวอีกว่า โคมลอยดังกล่าว บางครั้งอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ และหากโคมลอยเข้ามาในรัศมีเส้นทางบินขณะที่เครื่องบินทำการบินอยู่ สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ทางท่าอากาศยาน ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ประเพณีการปล่อยโคมลอย แต่เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานชีวิต และทรัพย์สินของบุคคลอื่น จึงขอความร่วมมือก่อนปล่อยโคมลอย ให้แจ้งกับท่าอากาศยานกระบี่ทุกครั้ง โดยกำหนด วันเวลา และสถานที่ที่จะปล่อยโคมลอย ซึ่งทางท่าอากาศยานฯจะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับอากาศยานในการทำการบิน
“สำหรับจังหวัดกระบี่ มีสนามบินอยู่หนึ่งแห่ง ตั้งอยู่เขตอำเภอเหนือคลอง โดยในแต่ละวันมีเที่ยวบินที่ทำการบินกว่า 10 เที่ยวบิน ทั้งสายการบินภายในและต่างประเทศ ซึ่งเกรงว่าในช่วงเทศกาลลอยกระทง ที่จะถึงนี้ จะมีประชาชนออกมาปล่อยโคมลอยกัน จึงขอความร่วมมือให้แจ้งกับท่าอากาศยานกระบี่ทุกครั้งและวัสดุในการทำโคมลอยควรเป็นวัสดุธรรมชาติที่สลายตัวง่าย ไม่ใช้วัสดุที่มีความแข็ง และให้มีขนาดไม่ควรเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร น้ำหนักไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม และให้เลือกใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้โคมลอย ลอยอยู่ในอากาศได้ไม่นานเกิน 15 นาทีและไม่ตกแต่งวัสดุใดๆ ลงไปที่ทำให้เกิดประกายไฟได้ง่าย”
ว่าที่ร้อยตรี อัธยา ลาภมาก ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ได้กล่าวว่า ปัจจุบันในช่วงเทศกาลสำคัญๆ จะมีประชาชนนิยมปล่อยโคมลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ากันเป็นจำนวนมาก เพื่อความเป็นสิริมงคล และเกิดความสว่างไสวสวยงาม ในอดีตโคมลอยที่ปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าจะมีขนาดเล็กทำด้วยไม้ กระดาษสา และเชื้อเพลิงเพียงเล็กน้อย ลอยขึ้นไม่สูงมากและใช้เวลาลอยอยู่ไม่นานก็จะตกลงสู่พื้น แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาโคมลอย มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้วัสดุสังเคราะห์ เช่น เหล็กหรือพลาสติกมาเป็นโครงสร้าง พร้อมทั้งนำแอลกอฮอล์และก๊าซมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้โคมลอยสามารถลอยในระดับที่สูงมากยิ่งขึ้น ลอยอยู่เป็นเวลานานและไม่สามารถควบคุมทิศทางได้
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ได้กล่าวอีกว่า โคมลอยดังกล่าว บางครั้งอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ และหากโคมลอยเข้ามาในรัศมีเส้นทางบินขณะที่เครื่องบินทำการบินอยู่ สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ทางท่าอากาศยาน ตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ประเพณีการปล่อยโคมลอย แต่เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานชีวิต และทรัพย์สินของบุคคลอื่น จึงขอความร่วมมือก่อนปล่อยโคมลอย ให้แจ้งกับท่าอากาศยานกระบี่ทุกครั้ง โดยกำหนด วันเวลา และสถานที่ที่จะปล่อยโคมลอย ซึ่งทางท่าอากาศยานฯจะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับอากาศยานในการทำการบิน
“สำหรับจังหวัดกระบี่ มีสนามบินอยู่หนึ่งแห่ง ตั้งอยู่เขตอำเภอเหนือคลอง โดยในแต่ละวันมีเที่ยวบินที่ทำการบินกว่า 10 เที่ยวบิน ทั้งสายการบินภายในและต่างประเทศ ซึ่งเกรงว่าในช่วงเทศกาลลอยกระทง ที่จะถึงนี้ จะมีประชาชนออกมาปล่อยโคมลอยกัน จึงขอความร่วมมือให้แจ้งกับท่าอากาศยานกระบี่ทุกครั้งและวัสดุในการทำโคมลอยควรเป็นวัสดุธรรมชาติที่สลายตัวง่าย ไม่ใช้วัสดุที่มีความแข็ง และให้มีขนาดไม่ควรเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร น้ำหนักไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม และให้เลือกใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้โคมลอย ลอยอยู่ในอากาศได้ไม่นานเกิน 15 นาทีและไม่ตกแต่งวัสดุใดๆ ลงไปที่ทำให้เกิดประกายไฟได้ง่าย”