นราธิวาส - นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย มท.1 และ ผบ.ทบ.เยี่ยมกำลังผสมตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จ.นราธิวาส พร้อมให้กำลังใจในการปฏิบัติงาน ด้าน พันธมิตรฯสุไหงโก-ลก กว่าพันคน ที่มาล้อมโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก เตรียมมือตบไล่รัฐบาลขายชาติต้องรอเก้อ
เมื่อเวลา 17.10 น.วันนี้ (28 ต.ค.) นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และคณะได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังกองบัญชาการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส เพื่อเดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่กำลังพล
โดย นายกรัฐมนตรี ได้มอบวัตถุมงคลแก่กำลังพล รวมทั้งรับทราบความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่กองกำลัง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พบปะและสอบถามเจ้าหน้าที่เป็นรายบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีขวัญกำลังใจที่ดี และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณกำลังพลทุกนายที่เสียสละตนเองเพื่อประชาชนในพื้นที่ และกล่าวว่า ภายหลังรับตำแหน่งเป็นครั้งแรก ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้รีบเดินทางลงพื้นที่ แต่ก็มีความรู้สึกเป็นห่วงคนใน 3 จังหวัด เพราะตนเองก็เป็นคนใต้เหมือนกัน ย่อมเข้าใจความรู้สึก
ก่อนหน้านี้ ตนเองพร้อมคณะได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งยังคงยึดแนวทางในการแก้ปัญหาตามนโยบายของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่เดินมาถูกทางแล้ว โดย 1 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ความรุนแรงในภาพรวมของจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลภายใต้การนำของตนเองก็ยังพร้อมที่จะอัดฉีดงบประมาณทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพของกำลังพลทุกนาย อาวุธยุทโธปกรณ์ ที่สำคัญเรื่องของการศึกษาของเยาวชน เพื่อที่จะนำไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน
ภายหลังเสร็จภารกิจ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้รีบเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนราธิวาส เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯจำนวนกว่าพันคน ที่รวมตัวกันบริเวณหน้าโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก ที่ทราบข่าวการเดินทางลงพื้นที่ และมีการคาดการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะเดินทางเข้าพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพล ต้องพบกับความผิดหวังอย่างจัง เมื่อทราบข่าวว่าผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่กลับกลายเป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.แทน
เมื่อเวลา 17.10 น.วันนี้ (28 ต.ค.) นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.และคณะได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังกองบัญชาการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส เพื่อเดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่กำลังพล
โดย นายกรัฐมนตรี ได้มอบวัตถุมงคลแก่กำลังพล รวมทั้งรับทราบความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่กองกำลัง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พบปะและสอบถามเจ้าหน้าที่เป็นรายบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีขวัญกำลังใจที่ดี และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณกำลังพลทุกนายที่เสียสละตนเองเพื่อประชาชนในพื้นที่ และกล่าวว่า ภายหลังรับตำแหน่งเป็นครั้งแรก ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้รีบเดินทางลงพื้นที่ แต่ก็มีความรู้สึกเป็นห่วงคนใน 3 จังหวัด เพราะตนเองก็เป็นคนใต้เหมือนกัน ย่อมเข้าใจความรู้สึก
ก่อนหน้านี้ ตนเองพร้อมคณะได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งยังคงยึดแนวทางในการแก้ปัญหาตามนโยบายของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ที่เดินมาถูกทางแล้ว โดย 1 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ความรุนแรงในภาพรวมของจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลภายใต้การนำของตนเองก็ยังพร้อมที่จะอัดฉีดงบประมาณทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพของกำลังพลทุกนาย อาวุธยุทโธปกรณ์ ที่สำคัญเรื่องของการศึกษาของเยาวชน เพื่อที่จะนำไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน
ภายหลังเสร็จภารกิจ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้รีบเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนราธิวาส เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯจำนวนกว่าพันคน ที่รวมตัวกันบริเวณหน้าโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก ที่ทราบข่าวการเดินทางลงพื้นที่ และมีการคาดการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะเดินทางเข้าพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพล ต้องพบกับความผิดหวังอย่างจัง เมื่อทราบข่าวว่าผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่กลับกลายเป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.แทน