ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรรมการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ถูกชายนิรนามสวมสนับมือกระหน่ำใส่หน้าไม่ยั้ง หน้าบ้านตนเองกลางเมืองภูเก็ต ขณะกำลังจะขึ้นรถออกไปทำธุระส่วนตัว ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าและใต้คางต้องเย็บ 10 เข็ม เชื่อเป็นฝีมือฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจที่ออกมาเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ แต่ไม่ทิ้งประเด็นการเมืองท้องถิ่น
วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 17.45 น.นายพรหม สุขสิริสัมพันธ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 ม.นิมิตร ซ.1 ถ.อ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.สาธิต หนูฤทธิ์ พนง.สอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต หลังถูกคนร้าย จำนวน 2 คน ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเย็บเกือบ 10 เข็ม บริเวณหน้าบ้านของตนเองเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.
นายพรหมเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเดินออกมาจากด้านในบ้าน ไปเปิดประตูรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียน กท-1332 ภูเก็ต เพื่อขับออกไปทำธุระส่วนตัวนอกบ้าน แต่ขณะกำลังจะนั่งตรงเบาะคนขับ ได้มีคนร้าย 1 คน เป็นชายสูงประมาณ 167 เซนติเมตร ผมตรง หน้าแบน ผิวดำแดง ตรงเข้ามากระชากประตูออก
พร้อมกับพุ่งเข้าตน โดยใช้มือที่สวมสนับมือกระหน่ำชกเข้าใส่ใบหน้าหลายครั้ง ตนพยายามปัดป้อง แต่ก็ไม่ทำให้คนร้ายหยุดแต่อย่างใด เมื่อคนร้ายกระทำการจนพอใจแล้ว จึงหยุด พร้อมกับวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนในแก๊งขับมารอรับบริเวณปากซอย โดยคนร้ายได้หันมายิ้มเยาะเย้ยตน 1 ครั้ง ก่อนจะหนีไปเชื่อว่า น่าจะเป็นการสั่งสอนของคนร้ายมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ตนไม่สามารถจำป้ายทะเบียน หรือรูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้มากนัก เนื่องจากอยู่ในอาการมึน คนในครอบครัวเดินออกมาจากบ้านพบเข้าจึงช่วยเหลือทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนไปทำแผลที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งพบว่า มีบาดแผลบริเวณหัวคิ้วด้านซ้าย 1 แผล หางตาด้านซ้าย 1 แผล หน้าผาก 1 แผล ใบหูด้านซ้าย 1 แผล และใต้คางอีก 1 แผล เย็บรวมเกือบ 10 เข็ม
นายพรหม กล่าวถึงสาเหตุของการถูกลอบทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะมาจากเรื่องที่ตนเองเข้ามาเคลื่อนไหวเป็นแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเป็น 1 ในคณะกรรมการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ในยุคที่มีนายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ เป็นประธานกลุ่ม และปัจจุบันมีนายเลิศพงษ์ ตันโสวัฒน์ เป็นประธานกลุ่ม
โดยจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ช่วงก่อนหน้านี้มาประมาณ 4 เดือน แม้ว่า ขณะนี้การจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ จะลดน้อยลงแล้วก็ตาม คาดว่า อาจจะสร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายตรงข้าม แม้โดยส่วนตัวจะเชื่อว่า ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต คงจะไม่มีแนวร่วม นปช.มากเหมือนพื้นที่ทางภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่จะมาทำร้ายตนเองได้
ส่วนเรื่องความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่นที่ตนเองเป็นผู้ลงรับสมัคร สท.ของกลุ่มหนึ่งมาตลอดนั้น เชื่อว่า ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่จะทำให้ถูกลอบทำร้ายร่างกายในครั้งนี้แต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาตนเองไม่เคยมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกับใครมาก่อน แม้จะเป็นคนที่พูดมากไปบ้างก็ตาม ก็ยืนยันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่า มาจากเรื่องใดกันแน่ แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นเรื่องของการร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรมากกว่า
“คิดอยู่แล้วก่อนหน้านี้ว่า เมื่อออกมาเคลื่อนไหวเป็นแนวร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะต้องโดนอะไรลักษณะนี้เข้าสักวัน แม้จะเชื่อว่า พื้นที่ภูเก็ต จะไม่มีกลุ่มต้านที่ชัดเจนเหมือนภาคเหนือ และอีสานก็ตาม ซึ่งที่ผ่านมามีการระวังตนเองตลอด แต่ก็มาโดยจนได้ ซึ่งหลังจากนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น” นายพรหม กล่าว
ส่วนการติดตัวคนร้ายมาสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ต้องให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการติดตามตัวบุคคลทั้ง 2 มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.