ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – สัณห์ หนูสวัสดิ์ ที่ปรึกษาสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย(สทท.) ชี้แนวคิด “สล้าง บุญนาค” บุกทำเนียบเหมือนซ้ำเติมปัญหาที่มีอยู่ แนะ ส.ส. ทั้งหมดลาออก เปิดทางสร้างการเมืองใหม่
นายศุภสัณห์ หนูสวัสดิ์ ที่ปรึกษาสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย(สทท.)เปิดเผยว่าตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ที่ต้องการนำกำลังล้อมทำเนียบ เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงข้าวน้ำพันธมิตร เป็นการซ้ำเติมปัญหาที่กำลังเกิดอยู่ เพราะสถานการณ์ยิ่งรุนแรงขึ้นจนถึงการนองเลือด ที่ต้องการการเมืองใหม่นั้นจะต้องเริ่มจากการแก้กฎหมายรัฐธรรมมนูญมาตรา 291 ก่อน ด้วยการรับผิดชอบปัญหาร่วมกัน ด้วยการโละนักการเมืองชุดปัจจุบันให้หมด ด้วยการลาออกทั้งสภาเพื่อจะได้เริ่มต้นการเมืองใหม่อย่างแท้จริง ถ้ายังดื้ออยู่ยิ่งมองไม่เห็นหนทางของการยุติปัญหา มีแต่การเติมปัญหาให้กับประเทศทั้งหมด
นายสันติ โลจนาลักษณ์ นายก อบต.บางเขียด อ.สิงหนคร จ.สงขลาเปิดเผยว่าตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของการแก้ปัญหาชาติของ พล.ต.อ.สล้างฯ เพราะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยิ่งเติมไฟให้ลุกลามให้เร็วขึ้น ส่วนการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)3 ต้องปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง และตั้งธงให้ชัดเจนว่าแก้มาตราใด เพื่ออะไร อย่างคลุมเครือจนทำให้สังคมสับสนว่าแก้เพื่อคนๆคนเดียว ยิ่งทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเพิ่มขึ้นได้
นายศุภสัณห์ หนูสวัสดิ์ ที่ปรึกษาสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย(สทท.)เปิดเผยว่าตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ที่ต้องการนำกำลังล้อมทำเนียบ เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงข้าวน้ำพันธมิตร เป็นการซ้ำเติมปัญหาที่กำลังเกิดอยู่ เพราะสถานการณ์ยิ่งรุนแรงขึ้นจนถึงการนองเลือด ที่ต้องการการเมืองใหม่นั้นจะต้องเริ่มจากการแก้กฎหมายรัฐธรรมมนูญมาตรา 291 ก่อน ด้วยการรับผิดชอบปัญหาร่วมกัน ด้วยการโละนักการเมืองชุดปัจจุบันให้หมด ด้วยการลาออกทั้งสภาเพื่อจะได้เริ่มต้นการเมืองใหม่อย่างแท้จริง ถ้ายังดื้ออยู่ยิ่งมองไม่เห็นหนทางของการยุติปัญหา มีแต่การเติมปัญหาให้กับประเทศทั้งหมด
นายสันติ โลจนาลักษณ์ นายก อบต.บางเขียด อ.สิงหนคร จ.สงขลาเปิดเผยว่าตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางของการแก้ปัญหาชาติของ พล.ต.อ.สล้างฯ เพราะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยิ่งเติมไฟให้ลุกลามให้เร็วขึ้น ส่วนการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)3 ต้องปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง และตั้งธงให้ชัดเจนว่าแก้มาตราใด เพื่ออะไร อย่างคลุมเครือจนทำให้สังคมสับสนว่าแก้เพื่อคนๆคนเดียว ยิ่งทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเพิ่มขึ้นได้