xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนยางเมืองคอนผวา “ไข่หมูก” อาละวาดเรียกค่าคุ้มครอง - ตั้ง ฉก.ล่าตั้งค่าหัว 5 หมื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไข่หมูก ขณะบวชเป็นพระ
นครศรีธรรมราช – ชาวสวนยางเมืองนครศรีฯ ผวา “ไข่หมูก” อาละวาดเรียกค่าคุ้มครองซ้ำรอยเดิม ครูนอกราชการเจออาก้ายิงถล่มบ้านพรุน-โค่นทิ้งยาง 70 ต้น วางจดหมายรีด 2 ล้าน ตำรวจเต้นตั้ง ฉก.ล่าติดหมายจับตั้งค่าหัว 5 หมื่น

เหตุการณ์ยิงถล่มบ้านในสวนยางพาราเพื่อเรียกค่าคุ้มครองรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.30 น.ของวันที่ 12 ต.ค.2551 พ.ต.ท.ปรีชา ฉิมภักดี พนักงานสอบเวรเวร สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มบ้านเลขที่ 79/1 ม.5 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จึงเข้าทำการสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.ท.มนตรี ใจแกล้ว รอง ผกก.สส.รักษาราชการ ผกก.กำลังชุดสืบาสวนและสายตรวจตำบลเขาพระทอง เข้าทำการสอบสวนในที่เกิดเหตุทันที และรายงานด่วนไปยัง พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช โดยทันทีเช่นกัน

ในที่เกิดเหตุพบบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ภายในสวนยางพาราขนาดใหญ่ สภาพถูกยิงถล่มด้วยอาวุธสงครามผนังปูนมีรอยกระสุนหลายจุด ภายในบ้านพบผู้เสียหายซึ่งรอเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยอาการตื่นตระหนกทราบชื่อต่อมาคือนายสงวนศักดิ์ สุวรรณ อายุ 31 ปี แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิงถล่มในขณะที่เตรียมตัวจะออกไปกรีดยาง จึงไม่กล้าออกไปและโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือ

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรอบบริเวณบ้าน พบหลักฐานเป็นปลอกกระสุนปืนเอเค 47 หรือที่รู้จักในนามอากาซึ่งเป็นอาวุธสงครามร้ายแรง ตกอยู่รวม 6 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และพบจดหมายถูกทิ้งไว้หน้าบ้านหลังดังกล่าว 1 ฉบับ เป็นจดหมายที่เขียนขึ้นด้วยลายมือ มีข้อความว่ากราบเรียนพ่อแม่พี่น้อง ห้ามกรีดยางในสวนนี้จนกว่าเจ้าของจะปฏิบัติตามเงื่อนไข ในการจ่ายค่าคุ้มครองเป็นเงิน 2 ล้านบาท ลงชื่อ ไอ้ไข่หมูก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเช่นกัน

ขณะที่ นายสงวนศักดิ์ สุวรรณ ผู้ที่อยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเพียงคนงานที่รับจ้างกรีดยางและเฝ้าสวนยาง สวนยางในที่เกิดเหตุนั้นเป็นของ นายกชกร แสงรุ่ง อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุอดีตข้าราชการครูที่ลาออกแล้วมาทำสวนเป็นอาชีพหลัก ซึ่งในขณะที่เกิดเหตุนั้น นายกชกร ไปทำสวนที่ จ.พิษณุโลก ที่ได้ไปซื้อที่ดินลงทุนทำสวนยางพาราไว้ด้วยเช่นกัน

ต่อมาช่วงเช้าวันเดียว พล.ต.ต.สราวุธ พีรานน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.มนตรี ใจแกล้ว รอง ผกก.สส. รักษาการ ผกก.ได้เข้าทำการตรวจสอบภายในบริเวณสวนยางพาราที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่า ในสวนยางพารา ส่วนหนึ่งถูกตัดฟันทำลายไปรวม 70 ต้น เป็นยาอายุ 3-5 ปี พร้อมที่จะเปิดกรีดในอีกไม่นานนัก และพบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นจดหมายเรียกค่าคุ้มครองเนื้อหาเดียวกันกับที่พบหน้าบ้านถูกผูกติดไว้กับต้นยางพารา เจ้าหน้าที่วิทยาการจึงเก็บตามขั้นตอนการเก็บหลักฐานทางคดี

พ.ต.ท.มนตรี ใจแกล้ง รอง ผกก.สส.รักษาราชการ แทน ผกก.เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายสงวนศักดิ์ คนงานเฝ้าสวนยางพาราได้ความว่าไม่เห็นคนร้ายขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนเท่านั้น ส่วนเจ้าของสวนยางพารานั้นเจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์ติดต่อแล้วคือนายกชกร แสงรุ่ง ซึ่งได้ทำสวนอยู่ที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งอยู่ในระหว่างเดินทางกลับนครศรีธรรมราชหลังจากทราบเรื่อง ทราบว่าสวนยางในที่เกิดเหตุทั้งหมดนั้นมีเนื้อที่กว่า 70 ไร่ เริ่มเปิดกรีดแล้วบางส่วน และสวนยางดังกล่าวตั้งอยู่ห่างไกลจากชุมชน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลนั้นเชื่อว่าเป็นการเรียกค่าคุ้มครอง

รักษาการ ผกก.สภ.ชะอวด กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทาง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ลงพื้นที่ 1 ชุด และส่วนของ สภ.ชะอวดได้ตั้งชุดสืบสวนไล่ล่า 1 ชุด รวมทั้งชุดรักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านไปประจำอยู่ในสวนยางต่างๆ เพื่อความอุ่นใจของประชาชนหลังจากที่ชาวสวนยางในละแวกนั้นทราบข่าวหลายคนอยู่อาการหวาดผวาเกรงกลัวกิตติศัพท์ของไข่หมูก

“มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มที่เรียกค่าคุ้มครองจะเป็นกลุ่มของ นายเจิม เซ่งเอียด อายุ 57 ปี เจ้าของฉายา “จอมโจรไข่หมูก” เนื่องจากการติดตามข้อมูลทางคดี พบว่า นายเจิม ต้องหมายจับในคดีเรียกค่าคุ้มครองในท้องที่ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีพฤติการคล้ายกัน คือ การทำลายต้นยางแล้วเรียกค่าคุ้มครอง โดยมีถูกจับกุมแล้วคือ นายณัฐภูมิ หรือบอย ภูมิพันธ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 หมู่ 5 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ผู้ต้องหาเรียกค่าคุ้มครอง ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงนายเจิม ถูกจับขณะมารับเงินค่าคุ้มครองส่วนนายเจิมวิ่งหลบหนีไปได้ ซึ่งขณะนี้หมายจับนายเจิมมีแล้วออกโดยศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกคดีมีการเรียกค่าคุ้มครองที่ท้องที่ สภ.รัษฎา จ.ตรัง ซึ่งอยู่ในระหว่างการรวบรวมออกหมายจับ รวมทั้งในคดีนี้”

พ.ต.ท.มนตรี ใจแกล้ว รอง ผกก.สส.รักษาราชการ ผกก.สภ.ชะอวด กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ทำประกาศหมายจับของเจ้าหน้าที่ออกเผยแพร่ ซึ่งเบื้องต้นนั้นใช้หมายจับของ สภ.ท่าชนะ โดย พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้ประกาศตั้งค่าหัวไว้ในเบื้องต้นมูลค่า 50,000 บาท ซึ่งเป็นรางวัลในการชี้เบาะแสจนสามารถจับกุมตัวได้

พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ล่าสุดนั้น ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ในการไล่ล่า นายเจิม เซ่งเอียด ขณะเดียวกัน เพื่อความอุ่นใจของประชาชน สุจริตชนในพื้นที่ชะอวดด้วย ในทางการติดตามนั้นตำรวจนครศรีธรรมราช ได้ประสานข้อมูลกับตำรวจพัทลุงในการไล่ล่าอีกส่วนหนึ่ง

“ส่วนผู้เสียหายนั้นเราคุยในเชิงลึกพบว่านายเจิมได้ข่มขู่เขามาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงขั้นเขาหวาดกลัวอย่างหนักต้องหลบไปทำสวนอยู่ที่พิษณุโลก ข้อมูลนี้เราจึงปักใจว่าคนร้ายจะเป็นนายเจิม หรือ ไข่หมูก เส้งเอียด อย่างแน่นอน ตำรวจได้ตั้งค่าหัวไว้ที่ 50,000 เป็นเบื้องต้น ซึ่งไม่อยากตั้งมาก เนื่องจากเกรงว่าจะถูกมองว่าหั้ความสำคัญแต่ถ้าใครสนใจจะเพิ่มรางวัลตรงนี้สามารถพูดคุยกับผมได้ยินดี แต่จุดประสงค์หลัก คือ เราต้องการเบาะแสในการติดตามตัวนายเจิมเป็นอาชญากรที่ค่อนข้างปราดเปรียว และมีแนวโน้มว่าจะไม่ยอมให้ถูกจับกุมง่ายๆหากนายเจิมถูกติดตามจนเจอตัวและขัดขืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเราก็พร้อมที่จะเข้าไปหยุดนายเจิม แต่ถ้ายินดีที่จะแสดงตัวเข้าต่อสู้คดีเราพร้อมที่จะให้โอกาส” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว

สำหรับ นายเจิม เส้งเอียด อายุ 57 ปี หรือ “ไข่หมูก” นั้น ช่วงที่พ้นโทษได้มาอุปสมบท เป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดในเตา จ.ตรัง มีฉายาคือ พระจันทธรรมโม ซึ่งต่างเป็นที่กล่าวขานถึงประวัติความโชกโชนในวงการอาชญากรรม มีประวัติเป็นอดีตมือฆ่า 32 ศพ แห่งอำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง อดีตจอมโจรเรียกค่าไถ่ เรียกค่าคุ้มครองชื่อดังของภาคใต้ ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเรือนจำนานถึง 27 ปี ด้วยความสำนึกผิดเมื่อพ้นโทษออกมาจึงตัดสินใจบวชพระหนีทางโลกเข้าสู่ทางธรรมที่วัดในเตา จังหวัดตรัง

ตามประวัติอาชญากรรม “ไข่หมูก” เริ่มก่อคดีตั้งแต่ปี 2519 เริ่มมีคดีเรียกค่าไถ่และเรียกค่าคุ้มครองตั้งแต่ปี 2531 จนกระทั่งถูกจับกุมปี 2534 และแหกคุกเรือนจำจังหวัดพัทลุงในปี 2537 หลบหนีลอยนวลเย้ยตำรวจและผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่หลายเดือน ก่อนจะเข้ามอบตัวเพื่อต้องการเงินรางวัลนำจับตัวเองจำนวน 400,000 มาช่วยครอบครัวของตัวเองที่กำลังตกภาวะลำบาก หลังจากที่พ้นโทษได้บวชอยู่ระยะหนึ่งหลังจากสึกออกจากสมณเพศ ได้ออกจากวัดในเตาเงียบหายไป จนมาปรากฏเป็นข่าวอีกครั้งในการเรียกค่าคุ้มครองที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.รัษฎา จ.ตรัง ก่อนที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
กำลังโหลดความคิดเห็น