สุราษฎร์ธานี - ผู้นำชุมชน ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนบ้านบ้านใหญ่ อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 200 คน ร่วมส่งแรงเชียร์ให้กำลังใจ “วรพจน์ เพชรขุ้ม” นำชัยชนะกลับประเทศในการชกกับนักชกอิตาลีวันนี้ ด้านพ่อ-แม่ ขอให้มีสติใช้ปัญญาในการชก เพื่อเป็นของขวัญให้ชาวไทย
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่โรงเรียนบ้านใหญ่ ต.คลองพนม อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีผู้นำชุมชน สมาชิก อบต.คลองพนม ผู้ปกครองเด็กนักเรียน พร้อมด้วยนักเรียนโรงเรียนบ้านใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนสมัยเด็ก ๆ ของวรพจน์ กว่า 200 คน ได้รวมตัวกัน ที่บริเวณหน้าเสาธงพร้อมด้วยป้ายผ้า และธงชาติไทย เพื่อส่งเสียงเชียร์ให้ “วรพจน์ สู้ๆๆๆ พร้อมนำชัยชนะกลับสู่ประเทศ”
ส่วนบรรยากาศที่บ้านเกิดของวรพจน์ บ้านสาคลี่ เลขที่ 31 หมู่ 10 บ้านสาคลี่ ต.พนม อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีผู้สนับสนุนภาคเอกชนนำเต็นท์มาตั้งให้ 3 หลัง และเตรียมติดตั้งจอโปรเจฏเตอร์ขาด 2.5 x 2.5 เมตร ให้ชาวบ้านที่คาดว่าจะมาช่วยเชียร์เป็นกำลังให้กับวรพจน์นับ 1,000 คน ร่วมกันชมการถ่ายทอดสดพร้อมกันในการชกไฟต์แรกรอบ 16 คน หลังเวลา 18.00 น.วันนี้ (15 ส.ค.) ที่จะเจอกับ ปาร์ริเนลโล วิตโตริโอ จากอิตาลี
นายทวีป เพชรขุ้ม บิดาวัย 71 ปี ของวรพจน์ เปิดเผยว่า วรพจน์โทรศัพท์จากกรุงปักกิ่งมาหาที่บ้านทุกวันเนื่องจากเป็นห่วงที่ตนป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะเริ่มต้น ซึ่งตนได้บอกไปว่าได้ไปผ่าตัดแล้วตอนนี้อาการดีขึ้นกว่า 80% โอกาสหายก็มีมาก ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วง ทำให้วรพจน์สบายใจขึ้นมาก และบอกพ่อว่าขอให้สบายใจ ชกโอลิมปิกครั้งนี้รู้สึกมั่นใจมากจะนำเหรียญมาฝากชาวสุราษฎร์ธานีอีกครั้ง โดยส่วนตัวแล้ว ตนก็มั่นใจว่าวรพจน์จะทำได้ เพราะเป็นคนกตัญญูรู้คุณ และขยันตั้งใจฟิตซ้อมมาโดยตลอด
พร้อมทั้งได้กล่าวฝากไปยังลูกชายขอให้มีสติ ใช้ปัญญาในการชก พร้อมตั้งความหวังไว้ 80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากนักชกจากอิตาลี ก็มีฝีมือในการชกเหมือนกัน ประกอบกับเหรียญรางวัลนั้นขึ้นอยู่กับโอกาส และโชคช่วย
ด้าน นางบุญส่ง กล่าวว่า ขอให้ลูกชายตั้งใจชกไม่ต้องห่วงทางบ้าน พ่อที่ไม่สบายอาการดีขึ้นแล้ว ขอให้ชกชนะก็แล้วกัน และขอยืนยันว่าปีนี้จะไม่เป็นลมอีก ตนเองได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสุราษฎร์ธานี และในภาคใต้หลายแห่ง ขอให้ช่วยลูกชายให้คว้าเหรียญทอง โดยจะมีการแก้บนเป็นโนราห์วงใหญ่ พร้อมทั้งจัดมวยไทยชกให้ประชาชนชมฟรีด้วย
ขณะที่ วรพจน์ เองได้บนบานว่าถ้าได้เหรียญโอลิมปิกจะบริจาคโลงศพ 84 โลง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นครราชสีมา และอุบลราชธานี นอกจากนั้นจะวิ่งแก้บนจากศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี มายังบ้านเกิดที่ ต.พนม อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี เป็นระยะทางประมาณกว่า 90 กิโลเมตร