ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูธรภาค 8 เร่งติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุยิงนักธุรกิจดังเสียชีวิตในพื้นที่ภูเก็ต คุยทราบมือสังหารโหดแล้วแต่ต้องรอพยานหลังฐาน
พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญการตำรวจภูธร ภาค 8 เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นางคมคาย โฆสิตคุณ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และเป็นน้องสาวของเศรษฐีนีเจ้าของจินตนาพลาซ่าในพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เสียชีวิตคารถยนต์โตโยต้าลาฟโฟร์ หมายเลขทะเบียน ข-2222 นครศรีธรรมราช และนายอารยะ โฆสิตคุณ สามี บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.วันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนพระภูเก็ตแก้วขาเข้าเมืองภูเก็ต ต.กะทู้ อ.กะทู้
โดยมี พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.วิทยาเดช วรดิลก รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะพันธ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.ทุ่งทอง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายสอบสวนและสืบสวนเข้าร่วม โดยในเวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อคืนที่ผ่านมา (19 ก.ค.) ที่ห้องประชุม สภ.ทุ่งทอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญการตำรวจภูธรภาค 8 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี ว่า มีความคืบหน้าพอสมควร สามารถสรุปประเด็นการสังหารในครั้งนี้ได้แคบลง เหลือเพียง 2-3 ประเด็นซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์โดยตรงหรือจากมือที่ 3 ซึ่งต้องการฉกฉวยผลประโยชน์ในทางธุรกิจบริเวณหาดป่าตอง
“ส่วนของพยานหลักฐานนอกจากปลอกกระสุนและหัวกระสุนปืนแล้ว ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานบุคคลสำคัญบางคนมาไว้ในสำนวน ซึ่งต้องปกปิดไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของพยาน ขณะนี้ได้มีการสอบไปแล้วประมาณ 2-3 ปาก ส่วนใหญ่เป็นพยานแวดล้อม สำหรับพยานทางลึกนั้นต้องสงวนไว้ก่อน”
พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า มูลเหตุสำคัญของการสังหารในครั้งนี้จะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ซึ่งขัดกันระหว่างคนภายในกันเอง หรือคนภายนอก เพราะผู้ตายก็มีเรื่องฟ้องร้องอยู่หลายคดีเช่นกัน ซึ่งต้องขอเวลาในการตรวจสอบให้ละเอียดก่อน โดยในการทำงานนั้นก็ไม่มีความกังวล แม้ว่าผู้ตายจะเป็นคนมีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน แต่ในแง่สาระของคดีก็เป็นเรื่องของการฆ่าผู้อื่น ก็ไม่ได้มีการกำชับเป็นพิเศษ นอกจากขอให้เจ้าหน้าที่วางใจเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อรับทราบข้อมูลมาแล้วต้องสามารถอ้างอิงได้ ตลอดจนต้องมีทั้งพยานและหลักฐานพร้อม
ส่วนของมือสังหารที่ก่อเหตุนั้น พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า พอจะทราบเบาะแสบ้างแล้ว เพราะเรื่องลักษณะเช่นนี้ปิดได้ไม่นาน เพียงแต่เมื่อรู้แล้วจะสามารถหาพยานหลักฐานและสาวไปถึงตัวผู้ต้องหาได้หรือไม่อย่าง ส่วนจะอยู่ในพื้นที่หรือไม่ยังไม่สามารถที่จะบอกได้
ต่อคำถามที่ว่ามีกระแสข่าวว่าจะเกิดการล้างแค้นกันขึ้น พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะไปล้างแค้นหรือเอาคืนกับใคร ซึ่งก็ต้องถามด้วยว่าแน่ใจหรือชัดเจนหรือไม่ว่าใครเป็นทำ ส่วนที่จะมีการเปิดโปงกันนั้นก็ให้ออกมาได้เลย โดยเฉพาะการให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะเป็นการดีเพราะจะได้ร่วมมือกันหลายฝ่าย
พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญการตำรวจภูธร ภาค 8 เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นางคมคาย โฆสิตคุณ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และเป็นน้องสาวของเศรษฐีนีเจ้าของจินตนาพลาซ่าในพื้นที่ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เสียชีวิตคารถยนต์โตโยต้าลาฟโฟร์ หมายเลขทะเบียน ข-2222 นครศรีธรรมราช และนายอารยะ โฆสิตคุณ สามี บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.วันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนพระภูเก็ตแก้วขาเข้าเมืองภูเก็ต ต.กะทู้ อ.กะทู้
โดยมี พล.ต.ต.อภิรักษ์ หงษ์ทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.วิทยาเดช วรดิลก รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อารยะพันธ์ พุกบัวขาว ผกก.สภ.ทุ่งทอง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายสอบสวนและสืบสวนเข้าร่วม โดยในเวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อคืนที่ผ่านมา (19 ก.ค.) ที่ห้องประชุม สภ.ทุ่งทอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธานี ทวิชศรี ผู้บัญการตำรวจภูธรภาค 8 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี ว่า มีความคืบหน้าพอสมควร สามารถสรุปประเด็นการสังหารในครั้งนี้ได้แคบลง เหลือเพียง 2-3 ประเด็นซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์โดยตรงหรือจากมือที่ 3 ซึ่งต้องการฉกฉวยผลประโยชน์ในทางธุรกิจบริเวณหาดป่าตอง
“ส่วนของพยานหลักฐานนอกจากปลอกกระสุนและหัวกระสุนปืนแล้ว ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานบุคคลสำคัญบางคนมาไว้ในสำนวน ซึ่งต้องปกปิดไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของพยาน ขณะนี้ได้มีการสอบไปแล้วประมาณ 2-3 ปาก ส่วนใหญ่เป็นพยานแวดล้อม สำหรับพยานทางลึกนั้นต้องสงวนไว้ก่อน”
พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า มูลเหตุสำคัญของการสังหารในครั้งนี้จะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ซึ่งขัดกันระหว่างคนภายในกันเอง หรือคนภายนอก เพราะผู้ตายก็มีเรื่องฟ้องร้องอยู่หลายคดีเช่นกัน ซึ่งต้องขอเวลาในการตรวจสอบให้ละเอียดก่อน โดยในการทำงานนั้นก็ไม่มีความกังวล แม้ว่าผู้ตายจะเป็นคนมีชื่อเสียงและเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน แต่ในแง่สาระของคดีก็เป็นเรื่องของการฆ่าผู้อื่น ก็ไม่ได้มีการกำชับเป็นพิเศษ นอกจากขอให้เจ้าหน้าที่วางใจเป็นกลาง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อรับทราบข้อมูลมาแล้วต้องสามารถอ้างอิงได้ ตลอดจนต้องมีทั้งพยานและหลักฐานพร้อม
ส่วนของมือสังหารที่ก่อเหตุนั้น พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า พอจะทราบเบาะแสบ้างแล้ว เพราะเรื่องลักษณะเช่นนี้ปิดได้ไม่นาน เพียงแต่เมื่อรู้แล้วจะสามารถหาพยานหลักฐานและสาวไปถึงตัวผู้ต้องหาได้หรือไม่อย่าง ส่วนจะอยู่ในพื้นที่หรือไม่ยังไม่สามารถที่จะบอกได้
ต่อคำถามที่ว่ามีกระแสข่าวว่าจะเกิดการล้างแค้นกันขึ้น พล.ต.ท.ธานี กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะไปล้างแค้นหรือเอาคืนกับใคร ซึ่งก็ต้องถามด้วยว่าแน่ใจหรือชัดเจนหรือไม่ว่าใครเป็นทำ ส่วนที่จะมีการเปิดโปงกันนั้นก็ให้ออกมาได้เลย โดยเฉพาะการให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะเป็นการดีเพราะจะได้ร่วมมือกันหลายฝ่าย
