ชุมพร - นายกสมาคมประมงชุมพร สนับสนุนรัฐบาลนำเข้าน้ำมันจากรัฐเซีย ระบุคุณภาพพอๆ กับน้ำมันเขียว
วันนี้ (16 ก.ค.) พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายกสมาคมประมงปากน้ำชุมพร กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลจะนำเข้าน้ำมันดีเซลจากประเทศรัฐเซีย เพื่อนำมาใช้ในกิจการประมงและรถบรรทุกในชนบท หากราคาต่ำกว่าปกติถึง 8 บาท เรื่องคุณภาพไม่ติดใจเพราะเท่าที่ทราบข้อมูลน้ำมันจากรัสเซีย จะมีคุณภาพใกล้เคียงกับน้ำมันเขียว ที่รัฐบาลมีนโยบายจำหน่ายให้กับชาวประมงอยู่แล้ว คือเป็นน้ำมันที่มีค่ากำมะถันสูงกว่าน้ำมันทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์ แต่จะมีปัญหากับมลภาวะหากนำไปใช้กับรถยนต์ที่วิ่งในเมือง
พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าวต่อว่า ปัญหาในขณะนี้คือ สมาคมประมงส่วนใหญ่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์ ซึ่งคงต้องเปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนหลังจากนี้ไปด้วย นอกจากนี้ หลังจากที่มีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียแล้ว ตอขอเสนอให้รัฐบาลยกเลิกโครงการน้ำมัน เขียวและน้ำมันม่วง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหาร
“ปกติน้ำมันเขียวที่มีจำหน่ายกลางทะเลก็มีการรั่วไหลมาสู่ฝั่ง และกลุ่มอาชีพอื่นๆ และยังถูกนำไปใช้ในรถยนต์อยู่แล้ว ก็ไม่เห็นมีใครบ่นว่ามีปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นเรื่องผลกระทบต่อเครื่องยนต์จึงไม่ต้องห่วง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก คือ การควบคุมการจำหน่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล คือเพื่อการประมงและรถบรรทุกในชนบท อย่าให้รั่วไหลนำไปใช้กับรถในเมือง” พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าว
วันนี้ (16 ก.ค.) พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ นายกสมาคมประมงปากน้ำชุมพร กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลจะนำเข้าน้ำมันดีเซลจากประเทศรัฐเซีย เพื่อนำมาใช้ในกิจการประมงและรถบรรทุกในชนบท หากราคาต่ำกว่าปกติถึง 8 บาท เรื่องคุณภาพไม่ติดใจเพราะเท่าที่ทราบข้อมูลน้ำมันจากรัสเซีย จะมีคุณภาพใกล้เคียงกับน้ำมันเขียว ที่รัฐบาลมีนโยบายจำหน่ายให้กับชาวประมงอยู่แล้ว คือเป็นน้ำมันที่มีค่ากำมะถันสูงกว่าน้ำมันทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์ แต่จะมีปัญหากับมลภาวะหากนำไปใช้กับรถยนต์ที่วิ่งในเมือง
พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าวต่อว่า ปัญหาในขณะนี้คือ สมาคมประมงส่วนใหญ่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์ ซึ่งคงต้องเปิดโอกาสให้มีการจดทะเบียนหลังจากนี้ไปด้วย นอกจากนี้ หลังจากที่มีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียแล้ว ตอขอเสนอให้รัฐบาลยกเลิกโครงการน้ำมัน เขียวและน้ำมันม่วง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหาร
“ปกติน้ำมันเขียวที่มีจำหน่ายกลางทะเลก็มีการรั่วไหลมาสู่ฝั่ง และกลุ่มอาชีพอื่นๆ และยังถูกนำไปใช้ในรถยนต์อยู่แล้ว ก็ไม่เห็นมีใครบ่นว่ามีปัญหาแต่อย่างใด ดังนั้นเรื่องผลกระทบต่อเครื่องยนต์จึงไม่ต้องห่วง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมาก คือ การควบคุมการจำหน่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล คือเพื่อการประมงและรถบรรทุกในชนบท อย่าให้รั่วไหลนำไปใช้กับรถในเมือง” พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าว