ยะลา - อำเภอยะหา จังหวัดยะลา จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์เสริมสร้างสันติสุขโรงพัก และโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม ลดความหวาดระแวงระหว่าง จนท.ตำรวจกับผู้นำศาสนา
ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอยะหา จ.ยะลา นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการสานสัมพันธ์เสริมสร้างสันติสุขโรงพัก และโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ โดยมีผู้ผู้นำศาสนาประกอบด้วย อีหม่าม คอเต็บ บิหลั่น และครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในพื้นที่ อ.ยะหา เข้าร่วมโครงการ จำนวน 100 คน
พ.ต.อ.สวัสดิ์ เตียวิวัฒน์ ผกก.สภ.ยะหา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจแก่บุคคลทั่วไปทุกสาขาอาชีพ โดยฝ่ายตรงกันข้ามได้ฉกฉวยโอกาสเอาศาสนาไปปลุกระดม จนทำให้มองไปว่าศาสนามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง และเป็นเงื่อนไขสร้างความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบ สมควรที่จะได้รับความร่วมมือ ช่วยเหลือจากผู้นำศาสนาได้ช่วยสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชน เพื่อเปิดช่องว่างของความหวาดระแวงและความไม่สบายใจดังกล่าว และเข้ามาอยู่ในกระบวนการป้องกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบร่วมกันได้
โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติงานทางด้านการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิด ต้องได้รับความร่วมมือและความเข้าใจที่ดีของประชาชนตลอดจนผู้นำศาสนาในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรผู้นำที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจของประชาชนมากที่สุด จะทำให้การทำงานเกิดความร่วมมือที่ดีต่อกัน และขจัดความหวาดระแวงของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอยะหา จ.ยะลา นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการสานสัมพันธ์เสริมสร้างสันติสุขโรงพัก และโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม เพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ โดยมีผู้ผู้นำศาสนาประกอบด้วย อีหม่าม คอเต็บ บิหลั่น และครูโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในพื้นที่ อ.ยะหา เข้าร่วมโครงการ จำนวน 100 คน
พ.ต.อ.สวัสดิ์ เตียวิวัฒน์ ผกก.สภ.ยะหา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบทางด้านจิตใจแก่บุคคลทั่วไปทุกสาขาอาชีพ โดยฝ่ายตรงกันข้ามได้ฉกฉวยโอกาสเอาศาสนาไปปลุกระดม จนทำให้มองไปว่าศาสนามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง และเป็นเงื่อนไขสร้างความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบ สมควรที่จะได้รับความร่วมมือ ช่วยเหลือจากผู้นำศาสนาได้ช่วยสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชน เพื่อเปิดช่องว่างของความหวาดระแวงและความไม่สบายใจดังกล่าว และเข้ามาอยู่ในกระบวนการป้องกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบร่วมกันได้
โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่ต้องปฏิบัติงานทางด้านการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิด ต้องได้รับความร่วมมือและความเข้าใจที่ดีของประชาชนตลอดจนผู้นำศาสนาในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรผู้นำที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจของประชาชนมากที่สุด จะทำให้การทำงานเกิดความร่วมมือที่ดีต่อกัน และขจัดความหวาดระแวงของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ
