ยะลา - ผู้ประกอบการสถานีบริการ LPG ยะลา วอนรัฐต่อท่อแก๊สจากโรงแยกจะนะ มายัง 3 จังหวัดใต้ แก้ปัญหาระบบการขนส่งและให้ประโยชน์ต่อคนในพื้นที่ด้วย
นายอับดุลฮายี สาแม็ง ผู้ประกอบการสถานีบริการแก๊สแอลพีจี จ.ยะลา วอนรัฐให้กำหนดมาตรการควบคุมการใช้พลังงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอลพีจี หรือเอ็นจีวี ก็ตาม ซึ่งปัจจุบันปริมาณการใช้ในต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งในอดีตนั้นจะมีการใช้เฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น โดยเฉพาะแก๊สที่ใช้กับรถยนต์แท็กซี่ที่มีจำนวนนับแสนคัน ในขณะเดียวกันในต่างจังหวัดประชาชนได้เปลี่ยนมาใช้แก๊สแอลพีจีใช้กับรถยนต์มากขึ้น
ดังนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการกำหนดให้รถยนต์ใช้แก๊สแอลพีจีไปในระยะเวลานานเท่าไร ในขณะเดียวกันให้มีการใช้เอ็นจีวีมากขึ้น และรัฐบาลก็ต้องหาวิธีการเพิ่มสถานีบริการให้เพียงพอความต้องการของใช้ด้วย ซึ่งปัจจุบันสถานีบริการแก๊สเอ็นจีวี ยังมีไม่กี่สถานี โดยเฉพาะในต่างจังหวัด อย่างเช่นสายหลักกรุงเทพฯ-จังหวัดทางภาคใต้ มีสถานีบริการไม่กี่สถานี และยังพบว่าสถานีต่างๆ ยังขาดแคลนแก๊สในการบริการอีกด้วย
หากรัฐบาลสามารถให้บริการแก๊สเอ็นจีวีจะทำให้ประชาชนผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายมากกว่าการใช้แก๊สแอลพีจีด้วยขอเสนอนั้น ในขณะนี้ทางรัฐบาลมีโรงแยกแก๊สที่อำเภอจะนะ จ.สงขลา อยู่ซึ่งในระยะเวลา 3 ปี นี้รัฐบาลต้องส่งให้ทางการมาเลเซียอยู่
แต่หลังจากนั้น รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการจัดส่งแก๊สมายังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดใกล้เคียง ด้วยการใช้ระบบการส่งทางท่อจะดีกว่าการใช้ระบบขนส่งทางรถยนต์ เพื่อแก้ปัญหาในระบบการขนส่งที่ยังมีปัญหาทำให้แก็สขาดตลาดอยู่ในปัจจุบัน
ด้าน นายวันทวี อับดุลบุตร ผู้ประกอบรถยนต์เล็กวิ่งรอบเมืองยะลา กล่าวว่า การเปลี่ยนมาใช้แก๊สแอลพีจี จากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงมาก ซึ่งปกติการใช้น้ำมันใช้เงินวันละ 4-500 บาท เมื่อเปลี่ยนมาใช้แก๊สแอลพีจี จะตกวันละไม่เกิน 150 บาทจะประหยัดไปถึง 250 บาทต่อวัน เดือนหนึ่งประมาณ 7,500 บาทจะมีปัญหาบ้างในเรื่องของการเติมที่สถานีบริการ เนื่องจากต้องเข้าคิวรอและบางวันแก๊สก็หมดจะทำให้เสียเวลาหน่อย ไม่เหมือนกับปั๊มน้ำมันทั่วไป แต่ก็คุ้มในเชิงความคุ้มทุน
นายอับดุลฮายี สาแม็ง ผู้ประกอบการสถานีบริการแก๊สแอลพีจี จ.ยะลา วอนรัฐให้กำหนดมาตรการควบคุมการใช้พลังงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแอลพีจี หรือเอ็นจีวี ก็ตาม ซึ่งปัจจุบันปริมาณการใช้ในต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งในอดีตนั้นจะมีการใช้เฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น โดยเฉพาะแก๊สที่ใช้กับรถยนต์แท็กซี่ที่มีจำนวนนับแสนคัน ในขณะเดียวกันในต่างจังหวัดประชาชนได้เปลี่ยนมาใช้แก๊สแอลพีจีใช้กับรถยนต์มากขึ้น
ดังนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการกำหนดให้รถยนต์ใช้แก๊สแอลพีจีไปในระยะเวลานานเท่าไร ในขณะเดียวกันให้มีการใช้เอ็นจีวีมากขึ้น และรัฐบาลก็ต้องหาวิธีการเพิ่มสถานีบริการให้เพียงพอความต้องการของใช้ด้วย ซึ่งปัจจุบันสถานีบริการแก๊สเอ็นจีวี ยังมีไม่กี่สถานี โดยเฉพาะในต่างจังหวัด อย่างเช่นสายหลักกรุงเทพฯ-จังหวัดทางภาคใต้ มีสถานีบริการไม่กี่สถานี และยังพบว่าสถานีต่างๆ ยังขาดแคลนแก๊สในการบริการอีกด้วย
หากรัฐบาลสามารถให้บริการแก๊สเอ็นจีวีจะทำให้ประชาชนผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายมากกว่าการใช้แก๊สแอลพีจีด้วยขอเสนอนั้น ในขณะนี้ทางรัฐบาลมีโรงแยกแก๊สที่อำเภอจะนะ จ.สงขลา อยู่ซึ่งในระยะเวลา 3 ปี นี้รัฐบาลต้องส่งให้ทางการมาเลเซียอยู่
แต่หลังจากนั้น รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการจัดส่งแก๊สมายังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดใกล้เคียง ด้วยการใช้ระบบการส่งทางท่อจะดีกว่าการใช้ระบบขนส่งทางรถยนต์ เพื่อแก้ปัญหาในระบบการขนส่งที่ยังมีปัญหาทำให้แก็สขาดตลาดอยู่ในปัจจุบัน
ด้าน นายวันทวี อับดุลบุตร ผู้ประกอบรถยนต์เล็กวิ่งรอบเมืองยะลา กล่าวว่า การเปลี่ยนมาใช้แก๊สแอลพีจี จากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงมาก ซึ่งปกติการใช้น้ำมันใช้เงินวันละ 4-500 บาท เมื่อเปลี่ยนมาใช้แก๊สแอลพีจี จะตกวันละไม่เกิน 150 บาทจะประหยัดไปถึง 250 บาทต่อวัน เดือนหนึ่งประมาณ 7,500 บาทจะมีปัญหาบ้างในเรื่องของการเติมที่สถานีบริการ เนื่องจากต้องเข้าคิวรอและบางวันแก๊สก็หมดจะทำให้เสียเวลาหน่อย ไม่เหมือนกับปั๊มน้ำมันทั่วไป แต่ก็คุ้มในเชิงความคุ้มทุน
