กระบี่ - ภาคเอกชนกระบี่ เผย การประท้วงขับไล่ “เป็ดเหลิม” ของพันธมิตรฯไม่กระทบท่องเที่ยว วอนรัฐหันมาใส่ใจสังคม ก่อนที่การประท้วงจะลุกลามไปทั่วย่อมหญ้า
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากกรณีที่มีกลุ่มพันธมิตรฯประท้วงบริเวณหน้าสนามบินกระบี่ และบริเวณด้านหน้าที่พักโรงแรมมาริไทม์ ปาร์ค แอน สปา รีสอร์ท ขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นั้น เป็นสิทธิที่กลุ่มพันธมิตรฯทำได้ เพราะว่ากลุ่มประชาชนที่มายืนประท้วงอยู่นั้น เขาประท้วงด้วยความสงบไร้อาวุธ และเป็นกลุ่มพันธมิตรฯส่วนน้อยของประชาชนในจังหวัดกระบี่เท่านั้น ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นปิดสนามบินกระบี่ ปิดถนน หรือปิดโรงแรม แต่อย่างใด
ประธานหอการค้ากระบี่ กล่าวถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ว่า คงจะไม่มีผลกระทบอะไร อยู่ที่รัฐบาลมากกว่า ว่า จะมีการพูดขยายความเหตุการณ์ในครั้งนี้หรือไม่ หากไม่มีการพูดในเรื่องนี้ต่อไปจากคนภายในรัฐบาล เรื่องมันก็จบเพราะที่ทราบมา ประชาชนที่เข้าไปขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนใหญ่แล้วเป็นสมาชิกพันธมิตรฯ ที่เคยขึ้นไปร่วมประท้วงกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ ประชาชนอีกจำนวนมากของจังหวัดกระบี่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดกระบี่ ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้พักอยู่ในตัวเมืองกระบี่ แต่มีการกระจายตัวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากกว่าในตัวเมืองกระบี่ เช่น อ่าวนาง เกาะพีพี เกาะลันตา หาดคลองม่วง และ หาดทับแขก ไม่ได้พักอยู่ในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ ดังนั้น การประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯกระบี่ ไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่แต่อย่างใด
ด้าน นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบอะไรกับการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ แต่อาจจะเสียหายในเรื่องของภาพลักษณ์ของจังหวัดกระบี่มากกว่า เพราะว่าจริงๆ แล้วนิสัยใจคอขอคนกระบี่แล้ว ไม่ได้มีพฤติกรรมรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้น กับการมาตรวจราชการของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มันเป็นเรื่องของการแสดงออกของกลุ่มบุคคลมากกว่า
ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะหาทางออกให้กับประเทศชาติได้แล้ว ในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่ทุกวันจะมีประชาชนทั่วทั้งประเทศ มีการรวมตัวประท้วงขับไล่รัฐบาล หรือแม้กระทั้งการขับไล่รัฐมนตรีที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ราชการในจังหวัด มันเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรที่จะหันมาแก้ไขปัญหาสังคม และความรุนแรง ที่กำลังจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ที่สำคัญ อาจส่งผลต่อเยาวชนโดยหลีกเหลี่ยงไม่ได้
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากกรณีที่มีกลุ่มพันธมิตรฯประท้วงบริเวณหน้าสนามบินกระบี่ และบริเวณด้านหน้าที่พักโรงแรมมาริไทม์ ปาร์ค แอน สปา รีสอร์ท ขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นั้น เป็นสิทธิที่กลุ่มพันธมิตรฯทำได้ เพราะว่ากลุ่มประชาชนที่มายืนประท้วงอยู่นั้น เขาประท้วงด้วยความสงบไร้อาวุธ และเป็นกลุ่มพันธมิตรฯส่วนน้อยของประชาชนในจังหวัดกระบี่เท่านั้น ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นปิดสนามบินกระบี่ ปิดถนน หรือปิดโรงแรม แต่อย่างใด
ประธานหอการค้ากระบี่ กล่าวถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ว่า คงจะไม่มีผลกระทบอะไร อยู่ที่รัฐบาลมากกว่า ว่า จะมีการพูดขยายความเหตุการณ์ในครั้งนี้หรือไม่ หากไม่มีการพูดในเรื่องนี้ต่อไปจากคนภายในรัฐบาล เรื่องมันก็จบเพราะที่ทราบมา ประชาชนที่เข้าไปขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม ส่วนใหญ่แล้วเป็นสมาชิกพันธมิตรฯ ที่เคยขึ้นไปร่วมประท้วงกับกลุ่มพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯ ประชาชนอีกจำนวนมากของจังหวัดกระบี่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในครั้งนี้
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดกระบี่ ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้พักอยู่ในตัวเมืองกระบี่ แต่มีการกระจายตัวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากกว่าในตัวเมืองกระบี่ เช่น อ่าวนาง เกาะพีพี เกาะลันตา หาดคลองม่วง และ หาดทับแขก ไม่ได้พักอยู่ในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ ดังนั้น การประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯกระบี่ ไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่แต่อย่างใด
ด้าน นายอมฤต ศิริพรจุฑากุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบอะไรกับการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ แต่อาจจะเสียหายในเรื่องของภาพลักษณ์ของจังหวัดกระบี่มากกว่า เพราะว่าจริงๆ แล้วนิสัยใจคอขอคนกระบี่แล้ว ไม่ได้มีพฤติกรรมรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้น กับการมาตรวจราชการของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มันเป็นเรื่องของการแสดงออกของกลุ่มบุคคลมากกว่า
ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะหาทางออกให้กับประเทศชาติได้แล้ว ในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่ทุกวันจะมีประชาชนทั่วทั้งประเทศ มีการรวมตัวประท้วงขับไล่รัฐบาล หรือแม้กระทั้งการขับไล่รัฐมนตรีที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ราชการในจังหวัด มันเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรที่จะหันมาแก้ไขปัญหาสังคม และความรุนแรง ที่กำลังจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ที่สำคัญ อาจส่งผลต่อเยาวชนโดยหลีกเหลี่ยงไม่ได้