นครศรีธรรมราช - "เทพไท" สวน"จตุพร"จิตหลอน ป้ายสี ปชป.ชักใยพันธมิตรฯ ใช้มาตรฐานตัวเอง เคยได้ดิบได้ดีเพราะใช้ม็อบน้ำหน้า ระบุผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ มาจากหลายทั่วประเทศไม่ได้มีแต่พื้นที่ประชาธิปัตย์ เย้ย"หมัก"หมดความสง่างามกลายเป็นนายกฯ ไร้ทำเนียบ ด้านแกนนำลูกจ้างเมืองคอนท้า"ตู่"ไปปลุกระดมที่บ้านเกิด
เมื่อค่ำของวานนี้ (20 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้สมาชิกของพรรคพลังประชาชน ที่ออกมาโจมตีประชาธิปัตย์ว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมพันธมิตรฯ ว่า อยากให้คนที่พูดนั้นออกไปอยู่ท่ามกลางประชาชนที่อยู่ในผู้ชุมนุมพันธมิตร และสำรวจตรวจสอบให้ชัดเจน ประชาชนเหล่านั้นไม่ได้มาจากภาคใต้ภาคเดียว มีทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคอีสาน เช่น สุรินทร์ ศรีษะเกษ อุบลราชธานี หนองคาย หรือแม้แต่บุรีรัมย์ประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.ในกลุ่มจังหวัดเช่นนี้ และประชาชนมีความหลากหลายจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย เป็นเรื่องของศรัทธาและอุดมการณ์ ที่อดทนต่อไปไม่ได้กับรัฐบาลชุดนี้ที่รับใช้ทุนสามานย์มาโดยตลอด ประชาธิปัตย์ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ เลยกับการขนคนหรืออะไรก็ตาม เป็นเรื่องของประชาชนที่ผนึกกำลังกันเองเพราะไม่สามารถทนต่อไปได้
"อดีตผู้สมัครของพรรคที่ไปเคลื่อนไหวอยู่นั้นไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์เท่านั้นพรรคอื่นก็มีมาร่วมด้วย เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของบุคคลเมื่อคนเหล่านี้ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.การแสดงออกในข้อมูลข่าวสารจึงต้องออกมาเช่นนี้เพราะไม่มีเวทีในสภา แต่ ส.ส.ของพรรคนั้นชัดเจนว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์วันนี้ เพราะเราใช้ความพยายามในการใช้สภาเป็นเวทีในการแก้ปัญหาแต่รัฐบาลก็หนีปัญหา"
นายเทพไทกล่าวต่อว่าวันนี้พันธมิตรประสบความสำเร็จปิดล้อมทำเนียบทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรม ศูนย์การบริหารกลางของประเทศถูกประชาชนปิดล้อมไม่ให้เข้าทำงาน นายกรัฐมนตรียังมีหน้าเป็นผู้นำอยู่ได้อย่างไร กลายเป็นนายกฯ ที่ต้องเร่ร่อนจรจัดไปยังสถานที่ต่างๆ กลายเป็นนายกพเนจรจะสง่างามแค่ไหน พันธมิตรสำเร็จเพราะประชาชนสนับสนุนเป็นเรื่องของสังคมกดดัน นายกยังกล้าดำรงตำแหน่งอยู่ได้อย่างไร
"นายกเองไม่ใช่หรือที่หลีกเลี่ยงการเมืองการตรวจสอบในสภา และปิดประชุมหนีฝ่ายค้าน เมื่อมาเจอกับการเมืองภาคประชาชน ก็หนีหัวซุกหัวซุนต่อไปอีก จะเลือกเอาการเมืองในสภา หรือการเมืองภาคประชาชนนอกสภา ถ้าเลือกเอาสภาต้องกล้าเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน ถ้าเลือกการเมืองนอกสภาต้องกล้าเผชิญหน้ากับประชาชน นายกต้องรีบกลับเข้าทำเนียบไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่าหนีราชการได้"
นายเทพไท กล่าวอีกว่าสำหรับคนที่ออกมาพูดนั้น ถือว่าประชาชนไม่ได้ให้ราคา ต้องกลับไปดูที่มาว่าได้ดิบได้ดีเพราะอะไรเพราะการเมืองภาคประชาชนที่รับจ้างหรืออุดมการณ์ เป็นความจริงตามที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ หรือได้ดิบได้ดีบนตำแหน่งที่เจ้านายหยิบยื่นให้ แล้วมาขัดขวางการเมืองภาคประชาชนที่แท้จริงแล้วกลับมาป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์อีก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนพูดนั้นใช้บรรทัดฐานของตัวเองที่ทำการเมืองโดยมีม็อบหนุนหลัง เลยจินตนาการว่ากลุ่มพันธมิตรเคลื่อนไหวโดยมีประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง หรือเรียกอีกว่าพวกจินตนาการหลอน หรือพวกกลัวเงาตัวเอง
ขณะที่นายโอสถ สุวรรณเศวต แกนนำกลุ่มลูกจ้าง เปิดเผยว่าได้เข้าร่วมชุมนุมและต่างก็ติดตามสถานการณ์ในวันนี้ว่าหากมีการสลายชุมนุม กองหลังที่อยู่ในพื้นต่างๆ จะออกมาเคลื่อนไหวโดยการปิดศาลากลางพร้อมกันในหลายจังหวัดของภาคใต้ และการออกมาปลุกระดมของพรรคพลังประชาชนให้ชาวบ้านออกมาต่อต้านพันธมิตรนั้น คำปลุกระดมของสมาชิกพลังประชาชน ไม่มีราคาสำหรับประชาชนที่รู้เท่าทันระบอบทักษิณ เพราะประชาชนไม่ใช่ขี้ข้าระบอบทักษิณเหมือนนักการเมืองชั่วบางคน เสียดายที่คนพูดมีพื้นเพเดิมที่นครศรีธรรมราช ถ้ามั่นใจแล้วลองมาปลุกระดมคนในนครศรีธรรมราช ลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะมานครศรีธรรมราช ยังไม่กล้ากลับมาเลยไม่ใช่หรือ
นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้าที่พันธมิตรฯ จะร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาไม่กี่วัน ได้มีก๊วนของ นปก.เก่า 2 รายเดินทางมาที่นครศรีธรรมราช และเมื่อลงเครื่องบินได้เดินผ่านช่องผู้โดยสารขาเข้า และมีชาวนครศรีธรรมราชจำนวนมากมารอรับญาติมิตร เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินออกมาพยายามยิ้มแย้ม ประชาชนจำนวนหนึ่งได้ส่งเสียงโห่ร้องขับไล่จนทำให้ทั้งสองคนนั้นต้องรีบเดินไปขึ้นรถตู้ออกไปจากสนามบินทันที เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จนมาถึงปัจจุบัน.
เมื่อค่ำของวานนี้ (20 มิ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้สมาชิกของพรรคพลังประชาชน ที่ออกมาโจมตีประชาธิปัตย์ว่าอยู่เบื้องหลังการชุมนุมพันธมิตรฯ ว่า อยากให้คนที่พูดนั้นออกไปอยู่ท่ามกลางประชาชนที่อยู่ในผู้ชุมนุมพันธมิตร และสำรวจตรวจสอบให้ชัดเจน ประชาชนเหล่านั้นไม่ได้มาจากภาคใต้ภาคเดียว มีทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคอีสาน เช่น สุรินทร์ ศรีษะเกษ อุบลราชธานี หนองคาย หรือแม้แต่บุรีรัมย์ประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.ในกลุ่มจังหวัดเช่นนี้ และประชาชนมีความหลากหลายจากทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย เป็นเรื่องของศรัทธาและอุดมการณ์ ที่อดทนต่อไปไม่ได้กับรัฐบาลชุดนี้ที่รับใช้ทุนสามานย์มาโดยตลอด ประชาธิปัตย์ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ เลยกับการขนคนหรืออะไรก็ตาม เป็นเรื่องของประชาชนที่ผนึกกำลังกันเองเพราะไม่สามารถทนต่อไปได้
"อดีตผู้สมัครของพรรคที่ไปเคลื่อนไหวอยู่นั้นไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์เท่านั้นพรรคอื่นก็มีมาร่วมด้วย เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของบุคคลเมื่อคนเหล่านี้ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.การแสดงออกในข้อมูลข่าวสารจึงต้องออกมาเช่นนี้เพราะไม่มีเวทีในสภา แต่ ส.ส.ของพรรคนั้นชัดเจนว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์วันนี้ เพราะเราใช้ความพยายามในการใช้สภาเป็นเวทีในการแก้ปัญหาแต่รัฐบาลก็หนีปัญหา"
นายเทพไทกล่าวต่อว่าวันนี้พันธมิตรประสบความสำเร็จปิดล้อมทำเนียบทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรม ศูนย์การบริหารกลางของประเทศถูกประชาชนปิดล้อมไม่ให้เข้าทำงาน นายกรัฐมนตรียังมีหน้าเป็นผู้นำอยู่ได้อย่างไร กลายเป็นนายกฯ ที่ต้องเร่ร่อนจรจัดไปยังสถานที่ต่างๆ กลายเป็นนายกพเนจรจะสง่างามแค่ไหน พันธมิตรสำเร็จเพราะประชาชนสนับสนุนเป็นเรื่องของสังคมกดดัน นายกยังกล้าดำรงตำแหน่งอยู่ได้อย่างไร
"นายกเองไม่ใช่หรือที่หลีกเลี่ยงการเมืองการตรวจสอบในสภา และปิดประชุมหนีฝ่ายค้าน เมื่อมาเจอกับการเมืองภาคประชาชน ก็หนีหัวซุกหัวซุนต่อไปอีก จะเลือกเอาการเมืองในสภา หรือการเมืองภาคประชาชนนอกสภา ถ้าเลือกเอาสภาต้องกล้าเผชิญหน้ากับฝ่ายค้าน ถ้าเลือกการเมืองนอกสภาต้องกล้าเผชิญหน้ากับประชาชน นายกต้องรีบกลับเข้าทำเนียบไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่าหนีราชการได้"
นายเทพไท กล่าวอีกว่าสำหรับคนที่ออกมาพูดนั้น ถือว่าประชาชนไม่ได้ให้ราคา ต้องกลับไปดูที่มาว่าได้ดิบได้ดีเพราะอะไรเพราะการเมืองภาคประชาชนที่รับจ้างหรืออุดมการณ์ เป็นความจริงตามที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ หรือได้ดิบได้ดีบนตำแหน่งที่เจ้านายหยิบยื่นให้ แล้วมาขัดขวางการเมืองภาคประชาชนที่แท้จริงแล้วกลับมาป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์อีก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนพูดนั้นใช้บรรทัดฐานของตัวเองที่ทำการเมืองโดยมีม็อบหนุนหลัง เลยจินตนาการว่ากลุ่มพันธมิตรเคลื่อนไหวโดยมีประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง หรือเรียกอีกว่าพวกจินตนาการหลอน หรือพวกกลัวเงาตัวเอง
ขณะที่นายโอสถ สุวรรณเศวต แกนนำกลุ่มลูกจ้าง เปิดเผยว่าได้เข้าร่วมชุมนุมและต่างก็ติดตามสถานการณ์ในวันนี้ว่าหากมีการสลายชุมนุม กองหลังที่อยู่ในพื้นต่างๆ จะออกมาเคลื่อนไหวโดยการปิดศาลากลางพร้อมกันในหลายจังหวัดของภาคใต้ และการออกมาปลุกระดมของพรรคพลังประชาชนให้ชาวบ้านออกมาต่อต้านพันธมิตรนั้น คำปลุกระดมของสมาชิกพลังประชาชน ไม่มีราคาสำหรับประชาชนที่รู้เท่าทันระบอบทักษิณ เพราะประชาชนไม่ใช่ขี้ข้าระบอบทักษิณเหมือนนักการเมืองชั่วบางคน เสียดายที่คนพูดมีพื้นเพเดิมที่นครศรีธรรมราช ถ้ามั่นใจแล้วลองมาปลุกระดมคนในนครศรีธรรมราช ลองดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะมานครศรีธรรมราช ยังไม่กล้ากลับมาเลยไม่ใช่หรือ
นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้าที่พันธมิตรฯ จะร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาไม่กี่วัน ได้มีก๊วนของ นปก.เก่า 2 รายเดินทางมาที่นครศรีธรรมราช และเมื่อลงเครื่องบินได้เดินผ่านช่องผู้โดยสารขาเข้า และมีชาวนครศรีธรรมราชจำนวนมากมารอรับญาติมิตร เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินออกมาพยายามยิ้มแย้ม ประชาชนจำนวนหนึ่งได้ส่งเสียงโห่ร้องขับไล่จนทำให้ทั้งสองคนนั้นต้องรีบเดินไปขึ้นรถตู้ออกไปจากสนามบินทันที เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จนมาถึงปัจจุบัน.
