xs
xsm
sm
md
lg

นอภ.เมืองคอนอัด อป.พร.ปากโป้งบอกนักข่าว “พระอึ๊บ นศ.ในเขตวัดพระธาตุ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช – พระนิสิตมั่วนักศึกษาสาวในวัดพระมหาธาตุเมืองนครศรีฯ-ชิงสึกเผ่นหนีกลับบ้าน จ.สุราษฎร์ธานี นายอำเภอเต้นสั่งล้อมคอก รุมสับ อป.พร.ปากโป้ง ปูดจนเข้าหูนักข่าว ประธานโต้แหลกไม่สน แฉซ้ำพระเณรนัดสาวมั่วกาม ในเขตพระธาตุเจดีย์ประจำ ย้อนถามสุดแสบ “จะให้ปกปิดความชั่วปล่อยคนเลวปู้ยี่ปู้ยำปูชนียสถานสำคัญ” ยันยังมีจิตสำนึกรู้ชั่วดี

จากกรณีที่ พระเอกณรงค์ อภินันโท พระลูกวัดแห่งหนึ่งวัดหน้าพระธาตุ และเป็นพระนิสิตชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่ง พานักเรียนสาวชั้น ปวช.สถาบันการศึกษาเอกชนที่มีชื่อแห่งหนึ่งของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแฟนสาวมาพบและแอบไปพลอดรัก นัวเนียในวิหารพระด้าน หรือวิหารคด หรือพระระเบียง ด้านทิศตะวันออกในบริเวณพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อช่วงเวลาประมาณ 13.30 น.ของวันที่ 7 มิ.ย.2551 ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวัด ไปพบเห็นตำตา พระเอกณรงค์ จึงวิ่งหลบหนีไปโดยทิ้งจีวร ย่ามพระ และโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ส่วนนักเรียนสาว ปวช. สวมกางเกงชั้นในไม่ทันถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาสอบสวน ก่อนจะเชิญแม่ มารับตัวกลับบ้านไป ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์และรุมสาปแช่งของประชาชนอย่างกว้างขวาง

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า วันนี้ (10 มิ.ย.) นี้ ว่า หลังเรื่องราวถูกเปิดเผยออกไปทำให้เจ้าหน้าที่จากหลาย ๆ ส่วนที่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงมีเจ้าหน้าที่จากหลาย ๆ ส่วน เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ตำรวจ อำเภอเมือง สำนักงานวัฒนธรรม สำนักงานพระพุทธศาสนา และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ต่างเรียกนายมนัส โลกถวิล อป.พร.เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารไปสอบถามเรื่องราว

นายมนัส เป็นคนพบเห็นเหตุการณ์และพยายามจับกุมพระเอกณรงค์ และ นักเรียนสาว ปวช.แต่แทนที่จะยกย่องชื่นชม นายมนัส ที่ขยันขันแข็งในการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่จากส่วนต่างๆ กลับกล่าวตำหนินายมนัสอย่างรุนแรงและมีท่าที ที่จะเอาผิดกับ นายมนัส ที่เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ ของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารและของจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้นายมนัสเกิดความหวาดกลัวและวิตกเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะที่ นายสุนทร ธรรมรัตน์ ประธาน อป.พร.เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช และเป็นหนึ่งในชุดรักษาความสงบเรียบร้อยวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีเรื่องในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น พวกเราก็จะถูกตำหนิหรือถูกผู้มีอำนาจเล่นงาน ตนอยากจะถามว่าการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราจนพบสิ่งบัดสีบัดเถลิง ในลักษณะนี้มันผิดด้วยหรือ เรื่องที่เกิดขึ้นอย่าว่าแต่พวกนักข่าวเลยประชาชนก็ทราบกันอย่างกว้างขวางวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา

เมื่อนักข่าวมาสอบถามว่า มีเรื่องเกิดขึ้นจริงหรือไม่ พวกเราก็บอกว่าเป็นเรื่องจริง อยากจะถามว่าการที่ให้พวกเรามารักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งมีคำสั่งแต่งตั้งถูกต้องตามระเบียบราชการ เมื่อมีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น ให้พวกเราละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือช่วยกันปกปิดความชั่วเอาไว้อย่างนั้นหรือ

“ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีการรักษาความสงบเรียบร้อย ปล่อยให้ใครก็ได้เข้ามากระทำย่ำยีปูยี่ปูย่ำภายในวัดพระมหาธาตุ ได้อย่างอิสรเสรีหรืออย่างไร ซึ่งความจริงแล้วเรื่องไม่เหมาะสมพระเณรนัดผู้หญิง ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษาหรือหนุ่มๆ ทั่วไปนัดแฟนสาวมาพลอดรัก กอดจูบลูบคลำกันอย่างไม่เกรงกลัวบาปกรรมเกิดขึ้นเป็นประจำ อป.พร.พบเห็นและบางครั้งก็เข้าไปจับกุม ว่ากล่าวตักเตือนมาตลอด

ตนคิดว่า ทางวัด จังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องหาทางหรือหามาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพให้มากกว่านี้ เช่น มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย หรือควรจะติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดให้ทั่วเขตโบราณสถานโบราณวัตถุ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยพอเกิดเรื่องขึ้นก็กล่าวโทษตำหนิเจ้าหน้าที่ระดับล่างๆ ที่เป็นผู้ปฏิบัติและถือว่าพวกเราปฏิบัติหน้าที่อย่างดีและถูกต้องที่สุดแล้ว” นายสุนทร กล่าวในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไกรลาศ แก้วดี นายอำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ลงนามยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่ 50/2550 ซึ่งเป็นคำสั่งเก่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ อป.พร.บางคนได้ลาออกไปประกอบอาชีพอย่างอื่นทำให้ อป.พร.ที่รักษาความสงบเรียบร้อยวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร มีไม่เพียงพอ จึงยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

พร้อมลงนามในคำสั่งใหม่ที่ 136 /2551 มี นายนันทวัฒน์ กิตติพันธ์พัฒนา ปลัดอำเภอเมือง เป็นหัวหน้าชุด พร้อมสมาชิก อป.พร.อีก 7 คน รวมเป็น 8 คน โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย หมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติต่างๆ ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยทุกคนต้องแต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบและต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด และนายไกรลาศ จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเย็นวันเดียวกันนี้ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

พระมหาบุญนำ วัดพรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่าในส่วนของวินัยสงฆ์นั้นถือว่าพระรูปนั้นได้ปาราชิกไปแล้ว ไม่สามารถบวชเป็นพระได้ตลอดชีวิต ซึ่งถ้าหนีเช่นนี้เจ้าคณะท้องที่จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินการให้ได้ ถ้าไม่สึกจะต้องให้สึกและต้องลงนิคหกรรมตามขั้นตอน ถ้าไม่มาจะต้องโทษตามกฎหมาย

“หลังจากนั้น จึงจะนำเอาเอกสารไปทำบัตรประชาชนได้ แต่เดี๋ยวนี้กฎหมายใหม่สามารถเอาผิดได้ทั้งคู่ทั้งพระและฝ่ายหญิง แต่ถ้าพระไปสึกเองเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ไม่รู้ไปอ้างว่าทำบัตรประชาชนหายแล้วไปต่อบัตรก็จบ เจ้าคณะผู้ปกครองท้องที่ต้องดำเนินการ ส่วนสถาบันที่ศึกษาอยู่นั้นจะต้องดำเนินการทางวินัยเช่นกัน ถอดชื่อออกเป็นต้นแต่ถ้าไม่มีการทำอะไรเขาก็ยังมาขอเอกสารได้” พระมหาบุญนำ กล่าว

นายเฉลิม จิตรามาศ ประชาสัมพันธ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร กล่าวว่า เรื่องพระภิกษุนัดนักเรียนสาวไปทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในวิหารพระด้านนั้นแม้ตัวพระภิกษุ จะวิ่งหลบหนีไปได้แต่ได้ทิ้งจีวร โทรศัพท์มือถือและย่ามพระเอาไว้ เมื่อตรวจสอบดูก็พบหลักฐานระบุว่าเป็นพระเอกณรงค์ อภินันโท เป็นพระวัดแห่งหนึ่ง ใกล้กับวัดพระมหาธาตุ และเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยสงฆ์ชื่อดัง และในย่ามยังมีมีดปลายแหลมยาว 1 คืบอีก 1 เล่ม ตนได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ ของพระเอกณรงค์ ให้กับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยดังกล่าวแล้ว

“ส่วนโทรศัพท์และมีดปลายแหลมตนยังเก็บเอาไว้ โดยมีพระภิกษุซึ่งเข้าใจว่าเป็นเพื่อนของพระเอกณรงค์ 2-3 รูป ได้มาพบและขอโทรศัพท์และหลักฐานต่าง ๆ คืนแต่ตนไม่ยอมให้คืน นอกจากนี้ยังมีฆราวาสอีก 2 คนขอขอทรัพย์สินและหลักฐานของพระเอกณรงค์คืนแต่ตนไม่ยอมให้เช่นกัน ซึ่งตนบอกว่าให้พระเอกณรงค์ มาเอาด้วยตัวเอง สำหรับตัวของพระเอกณรงค์นั้น มีพ่อค้าแม่ค้าดอกไม้ธูปเทียนในวัดพระมหาธาตุ เห็นเขาสึกแล้วและแต่งกายชุดฆราวาสกลับมาขนข้าวของในวัดต้นสังกัด โดยทราบว่าได้เดินทางกลับบ้านที่ อ.นาสาร จ.สุราษฏร์ธานี แล้ว โดยในทางวินัยสงฆ์ถือว่าพระเอกณรงค์ กระทำผิดอย่างร้ายแรงถึงขั้นปาราชิกไปแล้ว”

นายเฉลิม กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนไม่อยากให้โทษเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เพราะมันจะเป็นการช่วยกันปกปิดเรื่องไม่ดีเอาไว้และเป็นการปกป้องคนผิด แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในเขตพระบรมธาตุเจดีย์ ให้โปร่งใสมองเห็นหรือเดินได้โดยรอบ หรือมีการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดให้ทั่วพื้นที่ นอกจะจากจะป้องกันไม่ให้คนที่คิดทำเรื่องไม่เหมาะสมได้แล้วยังเกิดประโยชน์กับเรื่องอื่นๆ ด้วย
 
เช่น การโจรกรรมทรัพย์สิน หรือการทำลายโบราณสถานโบราณวัตถุ ซึ่งจะนำไปสู่การจับกุมคนที่กระทำผิดได้ทันทีทันใด หากจับกุมไม่ได้ก็มีหลักฐานในการสอบสวนสืบสวนนำไปสู่การจับกุมในภายหลังได้ เรื่องนี้ตนจะเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการวัดเพื่อดำเนินการต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น