ศูนย์ข่าวภูเก็ต- “ยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต” เตรียมนำสิ่งของบริจาค ที่ได้รับจากผู้มีจิตศรัทธาหนักประมาณ 8 ตัน ไปมอบผ่านจังหวัดระนอง เพื่อส่งต่อไปยังผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กิส ที่ประเทศพม่า พรุ่งนี้ (24 พ.ค.) พร้อมแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียอย่างมหาศาลของประชาชนประเทศเพื่อนบ้าน
นายเลิศพงศ์ ตันโสวัฒน์ แกนนำกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ในฐานะประธานจัดโครงการรับมอบสิ่งของบริจาค เพื่อผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กีส ที่ประเทศพม่า กล่าวถึงโครงการดังกล่าว ที่กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 10-23 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้รับสิ่งของบริจาคสำหรับส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กีส จากผู้มีจิตศรัทธาทุกภาคส่วนที่อยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว พ่อค้า ประชาชน นักเรียน นักศึกษา คณาจารย์จากสถานศึกษาต่างๆ รวมทั้งคณาจารย์ และนักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของจำพวก เสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้ง มาม่า รองเท้า แก็สหุงต้ม เครื่องเวชภัณฑ์ เครื่องสังขภัณฑ์ ผ้าอนามัย และยารักษาโรค มาแล้วรวมน้ำหนักประมาณ 8 ตัน ซึ่งขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมสิ่งของทั้งหมด
โดยการคัดแยกออกเป็นสัดส่วน และนำใส่ถุง เพื่อให้ง่ายต่อการขนย้าย และนำไปส่งมอบให้ชาวพม่าที่ประสบภัย โดยเฉพาะข้าวสาร เนื่องจากได้รับมากระสอบใหญ่ หากนำมอบให้ผู้ปะสบภัยทั้งหมดก็จะไม่สะดวก จำเป็นต้องนำแยกแบ่งเป็นถุง ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ทางการที่จะนำไปมอบ จะได้แจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยได้อย่างทั่วถึงครบทุกคน คาดว่า วันนี้ (23 พ.ค.) จะจัดเตรียม และขนสิ่งของทั้งหมดขึ้นรถบรรทุกสิบล้อที่จัดเตรียมไว้แล้วเสร็จอย่างแน่นอน
โดยจะออกเดินทางจาก จ.ภูเก็ต ในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค.) เวลาประมาณ 07.00 น. ไปยัง จ.ระนอง เพื่อมอบสิ่งของบริจาคดังกล่าว ผ่านทางศูนย์รับบริจาคช่วยผู้ประสบภัยนาร์กิส ที่ศาลากลางจังหวัดระนอง เวลาประมาณ 12.00 น.เพื่อให้ทางจังหวัดระนอง เป็นผู้ส่งมอบสิ่งของบริจาคไปช่วยผู้ประสบภัยชาวพม่าต่อไป เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพรหมแดนติดต่อกัน มีการไปมาหาสู่ และมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมานาน
“ในนามของกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนชาวพม่า ที่ประสบเหตุภัยพิบัติพายุไซโคลนนาร์กีส จนเกิดความสูญเสียอย่างมากมายมหาศาลจนอยากที่จะมีคำบรรยาย บางคนต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีอาหารกิน หรือไม่มีเสื้อผ้าใส่ เราในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็จะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในสิ่งที่พอจะทำได้ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้มีจิตศรัทธาทุกภาคส่วน” นายเลิศพงศ์ กล่าว