ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดสงขลา ทุ่มงบ 48 ล้านบาท ผลิตปุ๋ยอินทรีย์และจัดสรรให้เกษตรกรทำการเกษตร คาดว่าปีหน้าสามารถผลิตเพิ่มได้อีก กว่า 1,000 – 2,000 ตัน
นายปรีดา ศรีสุวรรณ หัวหน้าสำนักงานพัฒนาที่ดิน จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากราคาปุ๋ยเคมีที่สูงขึ้น ดินเสื่อมคุณภาพลง ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรพุ่งสูงทุกๆ ปี ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมเลย สำนักงานฯ ได้ของบยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด 48 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดสรรให้กับกลุ่มเกษตรกรทั้ง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลาอำเภอๆ ละ 3 ล้านบาท รวมกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์จำหน่ายให้เกษตรกรและใช้เองในราคาถูกกิโลกรัมละ 8 บาท เพื่อใช้แทนปุ๋ยเคมี และยังจัดสรรเงินให้กลุ่มละ 300,000 บาทให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายปรีดา เปิดเผยอีกว่า โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้ดำเนินการมาประมาณ 1 ปีกว่า จากการติดตามของคณะทำงานฯ ซึ่งมีสำนักงานพัฒนาที่ดิน สหกรณ์จังหวัด และสำนักตรวจบัญชีสหกรณ์ประสบความสำเร็จน่าพอใจ ทั้งการผลิตสามารถผลิตปุ๋ยได้กลุ่มละ 200 - 300 ตันแล้ว ยังบริหารจัดการงบประมาณและจัดทำบัญชีได้ถูกต้อง
ขณะนี้ได้จำหน่ายให้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ ปาล์มและชาวสวนยางพาราไปแล้ว ทำให้เกษตรกรรายจ่ายลดลง รายได้เพิ่มขึ้นเพราะใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลง ที่สำคัญคุณภาพดินดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าในปี 2552 สามารถผลิตปุ๋ยได้รวมทั้งสิ้น 1,000 - 2,000 ตัน
นายปรีดา ศรีสุวรรณ หัวหน้าสำนักงานพัฒนาที่ดิน จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากราคาปุ๋ยเคมีที่สูงขึ้น ดินเสื่อมคุณภาพลง ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรพุ่งสูงทุกๆ ปี ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเกษตรกรและสิ่งแวดล้อมเลย สำนักงานฯ ได้ของบยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด 48 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดสรรให้กับกลุ่มเกษตรกรทั้ง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลาอำเภอๆ ละ 3 ล้านบาท รวมกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์จำหน่ายให้เกษตรกรและใช้เองในราคาถูกกิโลกรัมละ 8 บาท เพื่อใช้แทนปุ๋ยเคมี และยังจัดสรรเงินให้กลุ่มละ 300,000 บาทให้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายปรีดา เปิดเผยอีกว่า โครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้ดำเนินการมาประมาณ 1 ปีกว่า จากการติดตามของคณะทำงานฯ ซึ่งมีสำนักงานพัฒนาที่ดิน สหกรณ์จังหวัด และสำนักตรวจบัญชีสหกรณ์ประสบความสำเร็จน่าพอใจ ทั้งการผลิตสามารถผลิตปุ๋ยได้กลุ่มละ 200 - 300 ตันแล้ว ยังบริหารจัดการงบประมาณและจัดทำบัญชีได้ถูกต้อง
ขณะนี้ได้จำหน่ายให้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ ปาล์มและชาวสวนยางพาราไปแล้ว ทำให้เกษตรกรรายจ่ายลดลง รายได้เพิ่มขึ้นเพราะใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลง ที่สำคัญคุณภาพดินดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าในปี 2552 สามารถผลิตปุ๋ยได้รวมทั้งสิ้น 1,000 - 2,000 ตัน