ยะลา – ตำรวจจราจรใน อ.เบตง จ.ยะลา เร่งรณรงค์ทำความเข้าใจต่อประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เคารพกฎจราจร “ขับไม่โทร.-เมาไม่ขับ” เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่ สภ.เบตง จ.ยะลา พ.ต.อ.สมบัติ หวังดี ผกก.สภ.เบตง เปิดเผย หลังจากประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจราจรให้เร่งประชาสัมพันธ์หลังมีการกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถเว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริม ที่เริ่มประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เบตง ก็ได้จัดทำใบปลิวข่าวรณรงค์และประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ และพระราชบัญญัติจราจรเกี่ยวกับการขับขี่รถในขณะเมาสุรา การสวมหมวกนิรภัย (หมวกกันน็อก) ออกแจกจ่ายแก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะตามจุดสี่แยกไฟแดงและบริเวณด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อเป็นการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์รายละเอียดข้อกฎหมายเกี่ยวกับการห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ
ด้าน ร.ต.ท.สุรเดช ฉัตรไทย รักษาการหัวหน้าจราจร สภ.เบตง กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 20 พ.ค.2551 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เบตง จะมีการออกรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้ขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับสนทนา ผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท โดยหลังจากวันที่ 20 พ.ค.2551 จะมีการจับจริง ทั้งนี้ยังมีการรณรงค์ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ขับขี่ในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิได้สวมหมวกนิรภัยที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายและการขับรถในขณะเมาสุรา
ทั้งนี้ หัวหน้าจราจร สภ.เบตง กล่าวอีกว่า ประชาชนบางส่วนที่ไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารจะไม่ทราบในข้อกฎหมายบังคับห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถดังกล่าว และฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากคนไม่เคารพกฎจราจรและมองว่ากฎจราจรเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดตามมา
ส่วนการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวใน อ.เบตงนั้นก็จะมีการทำใบปลิวเป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่พูดภาษาอังกฤษได้ให้คำแนะนำในรายละเอียดข้อกฎหมายไทย เกี่ยวกับการห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ และพระราชบัญญัติจราจรเกี่ยวกับการขับขี่รถในขณะเมาสุรา และการสวมหมวกนิรภัย (หมวกกันน็อก) ให้ทราบด้วย