ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่ภาคใต้ เผยตั้งเป้าพัฒนาการเกษตรใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายในปี 2554 หวังดันมูลค่าผลผลิตมวลรวมโตขึ้นแสนล้านบาท
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (11 พ.ค.) ที่โรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตร ทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการ ลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อติดตามงานในโครงการในพระราชดำริ และมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับร่วมพิธีเปิดการสัมมนา “พัฒนาการเกษตรแนวใหม่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผาสุกร่มเย็น” ซึ่งในการสัมมนาครั้งนี้มี ส.ส.สงขลา ของพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วย เช่น นายถาวร เสนเนียม นายวิรัตน์ กัลยาศิริ นายวินัย เสนเนียม และนายเจือ ราชสีห์
นายสมศักดิ์ ได้กล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ.2551-2554) ประกอบด้วย 5 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และ 5 อำเภอของสงขลา โดยระบุว่า กระทรวงเกษตรฯได้วางเป้าหมายในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตร ที่จะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งคาดว่าภายในปี 2554 มูลค่าผลผลิตมวลรวมภาคเกษตรจะโตขึ้นประมาณ 1 แสนล้านบาท โตขึ้นประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท
รวมถึงเกษตรกรจะสามารถประกอบอาชีพหลักทางการเกษตร และมีรายได้พอเพียง อย่างน้อย 3.5 แสนครัวเรือน จากเดิมที่มีอยู่แค่ 2.9 หมื่นครัวเรือน และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่นาร้างเพิ่มขึ้น 3.38 แสนไร่ ภายใต้เม็ดเงินกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ที่รัฐบาลจัดสรรให้กระทรวงเกษตรฯดำเนินการตลอดระยะเวลา 4 ปี ทั้งนี้ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีผู้ยากจนที่จดทะเบียนด้านปัญหาที่ดินทำกิน 2.4 แสนครัวเรือน
“โดยมี 4 ยุทธศาสตร์ที่กระทรวงเกษตรฯกำหนดไว้สำหรับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้คือ 1 การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เช่น ในรูปแบบของเศรษฐกิจพอเพียง และการรวมกลุ่ม เป้าหมาย 3 แสนครัวเรือน จำนวน 326 ตำบล ใช้งบประมาณ 570 ล้านบาท 2.การพัฒนาและฟื้นฟูอาชีพภาคเกษตรให้สอดคล้องกับศักยภาพและพื้นที่ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว ลองกอง โค แพะ และประมง เป้าหมาย 5 หมื่นครัวเรือน ใช้งบประมาณ 3 พันล้านบาท 3.การบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่น เรื่องประมงชายฝั่ง ปรับปรุงดิน และระบบชลประทาน เป้าหมาย 3 ล้านไร่ และ ใช้งบประมาณ 8 พันล้านบาทซึ่งมากที่สุด 4.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์การให้เข้มแข็งในลักษณะของอาสาสมัครเกษตร หรือยุวเกษตรกร เป้าหมาย 1 พันราย ใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ภายใต้งบประมาณปี 51 ครม.อนุมัติจำนวน 1,510 ล้านบาท ในการดำเนินงานรวม 11 โครงการเพื่อพัฒนาและสร้างความมั่นคงทางอาชีพให้แก่ประชาชนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก ศอ.บต.จำนวน 5 โครงการ เป็นเงิน 52 ล้านบาท เช่น การสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิต ทั้งด้านเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์ปาล์ม การหาตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯจะมีบทบาทมากขึ้นในการหาตลาดใหม่ๆ รองรับผลผลิตของเกษตร รวมถึงการสร้างแรงจูงใจให้แก่นักลงทุน
รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้ให้การสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ 1.5 % และการผ่อนปรนด้านภาษี ที่สำคัญคือ การพัฒนาพื้นที่นาร้าง และพื้นที่ที่มีความเหมาะสมให้กลับมามีศักยภาพ เพื่อทำการเกษตรให้เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น การปลูกข้าว ลองกอง การทำประมง และการปลูกปาล์มในพื้นที่ 1.2 หมื่นไร่ ซึ่งประมาณเดือนกันยายนโรงงานปาล์มน้ำมันที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ที่ใช้งบประมาณก่อสร้างจำนวน 270 ล้านบาท ซึ่งรับผิดชอบโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์จะเปิดใช้ได้ และจะสามารถรองรับผลผลิตปาล์มของเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดรอบข้างได้ทั้งหมด และการสร้างตลาดกลางสำหรับยางพารา ที่ จ.ยะลา เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกพบกันโดยตรง และเป็นศูนย์กลางในการส่งออกยางไปยังตลาดหลัก เช่น จีน เกาหลีใต้ เป็นต้น
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเกษตร หลังจากนี้จะแตกต่างจาก 10 ปีที่แล้วซึ่งล้มเหลว โดยจะยึดหลักการพัฒนาเกษตรแนวใหม่ คือ เกษตรกรจะเป็นผู้กำหนดความต้องการของตัวเองและกระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้สนับสนุน ผ่านทางหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ และจะรับฟังปัญหาจากผู้ที่ทำงานในพื้นที่เป็นหลัก เพื่อวางแนวทางร่วมกันและแก้ปัญหาให้ตรงกับข้อเท็จจริง
ที่สำคัญ จะเปลี่ยนแนวคิดที่ว่าการแก้ปัญหาต้องมาจากส่วนกลาง ซึ่งไม่ใช่เป็นการยัดเยียดของกระทรวง หรือจับยัดโครงการให้กับเกษตรกร
พร้อมกันนี้ จะร่วมมือกับ ส.ส.ในพื้นที่โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ที่รู้ปัญหาโดยตรง เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้ตรงจุดและเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง