ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะกรรมการสิ่งล่วงล้ำลำน้ำภูเก็ต เห็นชอบโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคใต้ทะเล จากชายฝั่งป่าคลอก ไปเกาะแรด ภูเก็ต ระยะทาง 700 เมตร แต่ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองที่เจาะออกมาด้วย
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฎิบัติการจังหวัดภูเก็ต (POC) นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 3/2551 เพื่อพิจารณาการขออนุญาตก่อสร้างสาธารณูปโภคใต้พื้นทะเล (Submarine Infrastructure) ของบริษัท อินฟราสตรัคเจอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เช่น โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ประมงจังหวัด สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งภูเก็ต นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก เป็นต้น
สำหรับการพิจารณาการก่อสร้างสาธารณูปโภคใต้พื้นทะเล (Submarine Infrastructure) ของบริษัท อินฟราสตรัคเจอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยตัวแทนของบริษัท คือ นายณัฐดนัย บุญวรานันท์ ได้ชี้แจงว่า การก่อสร้างสาธารณูปโภคดังกล่าว เพื่อใช้วางสายไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และระบบประปา จากชายฝั่งเกาะภูเก็ตบริเวณ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ไปยังเกาะแรดซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ Barama Bay เป็นระยะทางประมาณ 700 เมตร มีความลึกของการวางท่อระบบสาธารณูปโภค (ใต้ระดับผิวพื้นดินท้องทะเล) 15 เมตร ซึ่งจะเป็นชั้นหิน ขนาดสายระบบเคเบิลไฟฟ้าในท่อร้อยสายขนาด 120 ตร.ม.
โดยใช้วิธีการก่อสร้างแบบไม่เปิดหน้าดิน แม้ว่าจะเป็นการลงทุนค่อนข้างสูง ใช้อุปกรณ์เฉพาะทางหลายอย่าง และต้องมีผู้เชี่ยวชาญและชำนาญงานออกแบบ แต่จะมีผลดีเนื่องจากจะไม่กระทบต่อระบบสายเคเบิลไฟฟ้าแรงสูงใต้น้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่จ่ายระบบไฟฟ้าให้กับเกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ รวมทั้งยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใต้ท้องทะเลน้อยมาก
ทั้งนี้ หลังจากที่คณะกรรมการได้มีการซักถามกันอย่างกว้างขวางแล้ว นายวรพจน์ สรุปว่า ไม่ขัดข้องในการดำเนินการ แต่ขอให้ไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกรณีที่มีการใช้ของเหลวร่วมกับการเจาะว่าจะมีการฟุ้งกระจาย หรือส่งผลกระทบกับน้ำทะเลหรือไม่ และมีปริมาณมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ในส่วนของหินที่เจาะออกมาได้จะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน และจะจัดการกับปริมาณหินนั้นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงวาระการพิจารณา นายวรพจน์ ได้กล่าวถึงการขออนุญาตวางท่อพาดสายและนำน้ำทะเลมาทำเป็นน้ำจืด ริมทะเลหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ของบริษัทเดอะยามู จำกัด ว่า เนื่องจากเป็นโครงการที่น่าจะเป็นประโยชน์ และเชื่อว่าในอนาคตตามเกาะแก่งต่างๆ จะมีการใช้น้ำบริโภคโดยการทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด
ดังนั้น เมื่อมีการขออนุญาตเข้ามาก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่ามีกฎหมายตัวใดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร และจะต้องให้คำตอบที่ชัดเจนว่าทำได้หรือไม่ เช่นเดียวกับโครงการทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืดของเดอะยามู
วันนี้ (29 เม.ย.) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฎิบัติการจังหวัดภูเก็ต (POC) นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 3/2551 เพื่อพิจารณาการขออนุญาตก่อสร้างสาธารณูปโภคใต้พื้นทะเล (Submarine Infrastructure) ของบริษัท อินฟราสตรัคเจอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เช่น โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ประมงจังหวัด สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งภูเก็ต นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก เป็นต้น
สำหรับการพิจารณาการก่อสร้างสาธารณูปโภคใต้พื้นทะเล (Submarine Infrastructure) ของบริษัท อินฟราสตรัคเจอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยตัวแทนของบริษัท คือ นายณัฐดนัย บุญวรานันท์ ได้ชี้แจงว่า การก่อสร้างสาธารณูปโภคดังกล่าว เพื่อใช้วางสายไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และระบบประปา จากชายฝั่งเกาะภูเก็ตบริเวณ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ไปยังเกาะแรดซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ Barama Bay เป็นระยะทางประมาณ 700 เมตร มีความลึกของการวางท่อระบบสาธารณูปโภค (ใต้ระดับผิวพื้นดินท้องทะเล) 15 เมตร ซึ่งจะเป็นชั้นหิน ขนาดสายระบบเคเบิลไฟฟ้าในท่อร้อยสายขนาด 120 ตร.ม.
โดยใช้วิธีการก่อสร้างแบบไม่เปิดหน้าดิน แม้ว่าจะเป็นการลงทุนค่อนข้างสูง ใช้อุปกรณ์เฉพาะทางหลายอย่าง และต้องมีผู้เชี่ยวชาญและชำนาญงานออกแบบ แต่จะมีผลดีเนื่องจากจะไม่กระทบต่อระบบสายเคเบิลไฟฟ้าแรงสูงใต้น้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่จ่ายระบบไฟฟ้าให้กับเกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ รวมทั้งยังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใต้ท้องทะเลน้อยมาก
ทั้งนี้ หลังจากที่คณะกรรมการได้มีการซักถามกันอย่างกว้างขวางแล้ว นายวรพจน์ สรุปว่า ไม่ขัดข้องในการดำเนินการ แต่ขอให้ไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกรณีที่มีการใช้ของเหลวร่วมกับการเจาะว่าจะมีการฟุ้งกระจาย หรือส่งผลกระทบกับน้ำทะเลหรือไม่ และมีปริมาณมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ในส่วนของหินที่เจาะออกมาได้จะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหน และจะจัดการกับปริมาณหินนั้นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงวาระการพิจารณา นายวรพจน์ ได้กล่าวถึงการขออนุญาตวางท่อพาดสายและนำน้ำทะเลมาทำเป็นน้ำจืด ริมทะเลหาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ของบริษัทเดอะยามู จำกัด ว่า เนื่องจากเป็นโครงการที่น่าจะเป็นประโยชน์ และเชื่อว่าในอนาคตตามเกาะแก่งต่างๆ จะมีการใช้น้ำบริโภคโดยการทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด
ดังนั้น เมื่อมีการขออนุญาตเข้ามาก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่ามีกฎหมายตัวใดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร และจะต้องให้คำตอบที่ชัดเจนว่าทำได้หรือไม่ เช่นเดียวกับโครงการทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืดของเดอะยามู
