ตรัง – เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ยิงปะทะกับตำรวจทางหลวง ขณะตั้งด่านตรวจได้แล้ว ขนยาบ้าจึงขับแหกด่าน
จากกรณีที่ จ.ส.ต.อนันต์ ด้วงเหมือน และ จ.ส.ต.ส่งเสริม ด้วงโยธา 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สังกัดสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 7 จังหวัดตรัง ได้เกิดการยิงปะทะกับ 2 คนร้ายที่เชื่อว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในจังหวัดตรัง ระหว่างที่คนร้ายใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีแดง หมายเลขทะเบียน กท 5437 สงขลา ซิ่งแหกด่านตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย ที่ตั้งจุดตรวจอยู่หน้าสถาบันพลศึกษาจังหวัดตรัง ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง แล้วมุ่งหน้าไปทางพื้นที่อำเภอย่านตาขาว เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 เมษายน 2551
จนกระทั่งต่อมา ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ได้พบรถเก๋งต้องสงสัยคันดังกล่าว จอดอยู่ที่บริเวณบ้านเลขที่ 122 หมู่ที่ 4 ตำบลบางด้วน ในสภาพที่ประตูฝั่งด้านข้างคนขับรถเปิดอยู่
จากการตรวจสอบบนเบาะรถเก๋งฝั่งคนขับ พบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ตกอยู่จำนวน 4 ปลอก และยังพบกระสุนปืนขนาด .38 ที่ยังไม่มีการใช้งาน จำนวน 2 นัด อุปกรณ์เสพยาบ้า อีกจำนวน 1 ชุด และกระเป๋าสำหรับการบรรจุยาบ้า ซึ่งมีกลิ่นยาบ้าติดอยู่ จำนวน 1 ใบ จึงยึดไว้เป็นหลักฐานและนำส่งมอบ พ.ต.ท.บุญวัฒน์ วงศ์เจริญ สารวัตรสอบสวน สภ.ปะเหลียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (24 เม.ย.) พ.ต.ท.สุกาญจน์ นิลอ่อน สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 7 จังหวัดตรัง กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ ว่า ล่าสุด นายสมภักดิ์ พากเพียร อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 5 ตำบลนาท่ามเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ซึ่งทำงานเป็นช่างอยู่ที่อู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครตรัง พร้อมด้วย นายไพศาล กองทอง ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ครอบครองรถเก๋งคันดังกล่าว ที่ซื้อไปจากเต้นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ว่า ถูกเพื่อนยักยอกทรัพย์เป็นรถเก๋งไป 1 คัน จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามถึงหมายเลขทะเบียนรถ ก็พบว่าตรงกับรถเก๋งคันที่เกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้ประสานมายังสถานีตำรวจทางหลวง 2 ให้เดินทางไปตรวจสอบ เพื่อนำตัว นายสมภักดิ์ มาสอบปากคำ
นายสมภักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนเองเป็นคนที่นั่งข้างคนขับรถ และใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง โดยในระหว่างที่หลบหนี ก็ได้ถอดเสื้อสีขาวตัวที่สวมใส่ข้างนอกทิ้งไป ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถยึดมาไว้เป็นของกลางได้
พร้อมกับสารภาพ ว่า ได้ติดต่อซื้อยาบ้าจากนายบอย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถเก๋งคันดังกล่าว จำนวน 6 ล็อต และล็อตนี้ก็กำลังจะเป็นล็อตสุดท้ายแล้ว แต่ระหว่างที่เดินทางไปเอายาบ้าในพื้นที่ตำบลปะเหลียน จังหวัดตรัง และขับรถผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อและนามสกุลจริงของ นายบอย แล้ว และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว ส่วนรถเก๋งคันที่คนร้ายทั้งคู่ใช้ก่อเหตุนั้น มี นางอารีย์ กลับใหม่ ชาวหมู่ที่ 10 ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เป็นคนครอบครอง
ต่อมา นางอารีย์ ได้มาแสดงความบริสุทธิ์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ได้จำหน่ายรถเก๋งคันดังกล่าวให้กับเต้นท์รถยนต์มือสองแห่งหนึ่งไปแล้ว ซึ่งตรงกับแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เต็นท์รถมือสองแห่งนี้ก็เคยถูกบุกยึดยาบ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง และรถเก๋งคันนี้ขณะนี้ก็อยู่ในการครอบครอง ของผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้จำหน่ายยาบ้ารายใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามจับกุมตัวอยู่
ส่วนสติกเกอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ติดอยู่บริเวณกระจกหน้ารถเก๋งนั้น จากการตรวจสอบเป็นการแอบอ้างของคนร้าย เพื่อใช้เป็นเครื่องผ่านทางในการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามขยายผล
จากกรณีที่ จ.ส.ต.อนันต์ ด้วงเหมือน และ จ.ส.ต.ส่งเสริม ด้วงโยธา 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สังกัดสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 7 จังหวัดตรัง ได้เกิดการยิงปะทะกับ 2 คนร้ายที่เชื่อว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในจังหวัดตรัง ระหว่างที่คนร้ายใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีแดง หมายเลขทะเบียน กท 5437 สงขลา ซิ่งแหกด่านตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย ที่ตั้งจุดตรวจอยู่หน้าสถาบันพลศึกษาจังหวัดตรัง ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง แล้วมุ่งหน้าไปทางพื้นที่อำเภอย่านตาขาว เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 23 เมษายน 2551
จนกระทั่งต่อมา ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ได้พบรถเก๋งต้องสงสัยคันดังกล่าว จอดอยู่ที่บริเวณบ้านเลขที่ 122 หมู่ที่ 4 ตำบลบางด้วน ในสภาพที่ประตูฝั่งด้านข้างคนขับรถเปิดอยู่
จากการตรวจสอบบนเบาะรถเก๋งฝั่งคนขับ พบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ตกอยู่จำนวน 4 ปลอก และยังพบกระสุนปืนขนาด .38 ที่ยังไม่มีการใช้งาน จำนวน 2 นัด อุปกรณ์เสพยาบ้า อีกจำนวน 1 ชุด และกระเป๋าสำหรับการบรรจุยาบ้า ซึ่งมีกลิ่นยาบ้าติดอยู่ จำนวน 1 ใบ จึงยึดไว้เป็นหลักฐานและนำส่งมอบ พ.ต.ท.บุญวัฒน์ วงศ์เจริญ สารวัตรสอบสวน สภ.ปะเหลียน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (24 เม.ย.) พ.ต.ท.สุกาญจน์ นิลอ่อน สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 7 จังหวัดตรัง กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ ว่า ล่าสุด นายสมภักดิ์ พากเพียร อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170 หมู่ที่ 5 ตำบลนาท่ามเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ซึ่งทำงานเป็นช่างอยู่ที่อู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครตรัง พร้อมด้วย นายไพศาล กองทอง ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ครอบครองรถเก๋งคันดังกล่าว ที่ซื้อไปจากเต้นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ว่า ถูกเพื่อนยักยอกทรัพย์เป็นรถเก๋งไป 1 คัน จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามถึงหมายเลขทะเบียนรถ ก็พบว่าตรงกับรถเก๋งคันที่เกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้ประสานมายังสถานีตำรวจทางหลวง 2 ให้เดินทางไปตรวจสอบ เพื่อนำตัว นายสมภักดิ์ มาสอบปากคำ
นายสมภักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนเองเป็นคนที่นั่งข้างคนขับรถ และใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง โดยในระหว่างที่หลบหนี ก็ได้ถอดเสื้อสีขาวตัวที่สวมใส่ข้างนอกทิ้งไป ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถยึดมาไว้เป็นของกลางได้
พร้อมกับสารภาพ ว่า ได้ติดต่อซื้อยาบ้าจากนายบอย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถเก๋งคันดังกล่าว จำนวน 6 ล็อต และล็อตนี้ก็กำลังจะเป็นล็อตสุดท้ายแล้ว แต่ระหว่างที่เดินทางไปเอายาบ้าในพื้นที่ตำบลปะเหลียน จังหวัดตรัง และขับรถผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อและนามสกุลจริงของ นายบอย แล้ว และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว ส่วนรถเก๋งคันที่คนร้ายทั้งคู่ใช้ก่อเหตุนั้น มี นางอารีย์ กลับใหม่ ชาวหมู่ที่ 10 ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เป็นคนครอบครอง
ต่อมา นางอารีย์ ได้มาแสดงความบริสุทธิ์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ได้จำหน่ายรถเก๋งคันดังกล่าวให้กับเต้นท์รถยนต์มือสองแห่งหนึ่งไปแล้ว ซึ่งตรงกับแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เต็นท์รถมือสองแห่งนี้ก็เคยถูกบุกยึดยาบ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง และรถเก๋งคันนี้ขณะนี้ก็อยู่ในการครอบครอง ของผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้จำหน่ายยาบ้ารายใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามจับกุมตัวอยู่
ส่วนสติกเกอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ติดอยู่บริเวณกระจกหน้ารถเก๋งนั้น จากการตรวจสอบเป็นการแอบอ้างของคนร้าย เพื่อใช้เป็นเครื่องผ่านทางในการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามขยายผล
