นครศรีธรรมราช - โจรอาละวาดช่วงสงกรานต์ยกตู้เอทีเอ็ม ธ.ก.ส.เงินสดอยู่ข้างใน 1.1 ล้าน ตำรวจวิ่งพล่านตามคนร้าย โชคช่วยเจอตู้เงินซ่อนในสวนยางพาราเขตรอยต่อตรัง เผยคนร้ายฉกกล่องฮาร์ดดิสก์วงจรปิดไปด้วย
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (11 เม.ย.) ร.ต.ท.ศุภชัย งามปลอด ร้อยเวร สภ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ออกไปกรีดยางพารา ว่าพบกลุ่มคนประมาณ 4-5 คน ขับจักรยานยนต์ลากรถเข็ญบรรทุกวัสดุบางอย่างคล้ายตู้เอทีเอ็ม ไปตามถนนสายควนแบก-ไม้เลียบ ท้องที่หมู่ 4 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ หลังจากนั้น พ.ต.อ.วันชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผกก. ทราบพร้อมนำกำลังไปตรวจสอบ แต่ไม่พบรถยนต์ลากรถเข็ญและกลุ่มคนตามที่รับแจ้งแต่อย่างใด
แต่จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบมีร่องรอยเหมือนคนลากของหนักเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง จึงเดินตามร่องรอยไปตรวจสอบพบว่ามีรอยลากเป็นทางยาวห่างจากถนนประมาณ 50 เมตร จนกระทั้งถึงป่าละเมาะในสวนยางพารา เขตรอยต่อ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ อ.รัษฎา จ.ตรัง เจ้าหน้าที่พบตู้เอทีเอ็มของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ตั้งอยู่บนรถเข็นและถูกซุกไว้ในป่าละเมาะ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กำลังเกือบ 10 คน จึงสามารถยกตู้เอทีเอ็ม. ใส่รถสายตรวจนำกลับมาที่โรงพัก พร้อมยึดรถเข็นที่เป็นของกลางที่คนร้ายใช้ในการกระทำความผิดมาด้วย
จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ทำการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาร่อนพิบูลย์ (สาขาย่อยจุฬาภรณ์) ซึ่งเป็นอาการชั่วคราวตั้งอยู่ริมถนนสายเดียวกัน แต่อยู่ในท้องที่หมู่ 5 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ ห่างจากโรงพักและที่ว่าการอำเภอจุฬาภรณ์ 2.5 กม. ก็พบว่าประตูเหล็กด้านหน้าถูกคนร้ายใช้คีบตัดเหล็กตัดกุญแจเข้าไปด้วยใน ก่อนจะยกเอาตู้เอทีเอ็มทั้งตู้ พร้อมกล่องฮาร์ดดิสต์ทีวีวงจรปิดออกไป
“เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าคนร้าย 4-5 คนดังกล่าวได้ผลักตู้เอทีเอ็มให้ล้มใส่รถเข็ญจากนั้นจึงใช้รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ลากรถเข็นนำตู้เอทีเอ็มไปซ่อนไว้เพื่อหาทางเปิดตู้เอทีเอ็ม เพื่อเอาเงินที่อยู่ในตู้ แต่ชาวบ้านที่ออกไปกรีดยางพารามาพบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบจนพบตู้เอทีเอ็มซุกซ่อนในป่าละเมาะในสวนยางพารา จึงทำการตรวจยึดมาได้เสียก่อนที่คนร้ายจะหวนกลับมาเปิดตู้เอทีเอ็มฉกเงินในตู้ไป”
ร.ต.ท.ศุภชัย งามปลอด ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า คาดว่าช่วงเกิดเหตุอยู่ในช่วงระว่างเวลา 01.00-04.00 น.ที่ผ่านมา และจากการสอบสวนสืบสวนทราบว่าตู้เอทีเอ็มดังกล่าวเป็นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาร่อนพิบูลย์ ที่มาติดตั้งใน ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์
สำหรับอาการที่ติดตั้งตู้เอทีเอ็ม ดังกล่าวนั้นเป็นอาคารชั่วคราวที่ยังไม่แข็งแรงและไม่มีระบบการป้องกันอย่างเพียงพอเหมือนธนาคารทั่วๆ ไป และจะมีการพัฒนาเป็นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์สาขาจุฬาภรณ์ต่อไป โดยทราบว่าตู้เอทีเอ็มดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร ดูแลรับผิดชอบอยู่เพียงคนเดียวแต่ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวอยู่ระหว่างการลาเดินทางไปต่างประเทศ จึงมีเจ้าหน้าที่ธนาคารสาขาร่อนพิบูลย์คนอื่นๆ แวะเวียนมาดูแลและเพิ่งนำเงินมาใส่ในตู้เอทีเอ็ม เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา
“หลังเกิดเหตุตำรวจได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรสาขาร่อนพิบูลย์ มาร่วมตรวจสอบแล้วพบว่าภายในตู้เอทีเอ็มมีเงินสดอยู่ 1.1 ล้านบาทเศษ สำหรับการติดตามจับกุมตัวคนร้ายนั้น จากการสอบสวนปากคำชาวบ้านที่พบเห็นกลุ่มร้ายระบุว่ากลุ่มคนร้ายมีประมาณ 4-5 คน ซึ่งคนร้ายได้นำกล่องอิเล็กทรอนิกส์บันทึกภาพของทีวีวงจรปิดไปด้วย จึงไม่สามารถตรวจสอบภาพจากทีวีวงจรปิดได้ว่าคนร้ายเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนสืบสวนตำรวจพอจะได้เค้าคนร้ายกลุ่มนี้แล้วเป็นคนในพื้นที่หมู่ 4 ต.สามตำบลนั้นเอง ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับกุมจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน” ร.ต.ท.ศุภชัย กล่าว
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (11 เม.ย.) ร.ต.ท.ศุภชัย งามปลอด ร้อยเวร สภ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ออกไปกรีดยางพารา ว่าพบกลุ่มคนประมาณ 4-5 คน ขับจักรยานยนต์ลากรถเข็ญบรรทุกวัสดุบางอย่างคล้ายตู้เอทีเอ็ม ไปตามถนนสายควนแบก-ไม้เลียบ ท้องที่หมู่ 4 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ หลังจากนั้น พ.ต.อ.วันชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ผกก. ทราบพร้อมนำกำลังไปตรวจสอบ แต่ไม่พบรถยนต์ลากรถเข็ญและกลุ่มคนตามที่รับแจ้งแต่อย่างใด
แต่จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบมีร่องรอยเหมือนคนลากของหนักเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง จึงเดินตามร่องรอยไปตรวจสอบพบว่ามีรอยลากเป็นทางยาวห่างจากถนนประมาณ 50 เมตร จนกระทั้งถึงป่าละเมาะในสวนยางพารา เขตรอยต่อ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ อ.รัษฎา จ.ตรัง เจ้าหน้าที่พบตู้เอทีเอ็มของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ตั้งอยู่บนรถเข็นและถูกซุกไว้ในป่าละเมาะ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กำลังเกือบ 10 คน จึงสามารถยกตู้เอทีเอ็ม. ใส่รถสายตรวจนำกลับมาที่โรงพัก พร้อมยึดรถเข็นที่เป็นของกลางที่คนร้ายใช้ในการกระทำความผิดมาด้วย
จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่ทำการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาร่อนพิบูลย์ (สาขาย่อยจุฬาภรณ์) ซึ่งเป็นอาการชั่วคราวตั้งอยู่ริมถนนสายเดียวกัน แต่อยู่ในท้องที่หมู่ 5 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ ห่างจากโรงพักและที่ว่าการอำเภอจุฬาภรณ์ 2.5 กม. ก็พบว่าประตูเหล็กด้านหน้าถูกคนร้ายใช้คีบตัดเหล็กตัดกุญแจเข้าไปด้วยใน ก่อนจะยกเอาตู้เอทีเอ็มทั้งตู้ พร้อมกล่องฮาร์ดดิสต์ทีวีวงจรปิดออกไป
“เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าคนร้าย 4-5 คนดังกล่าวได้ผลักตู้เอทีเอ็มให้ล้มใส่รถเข็ญจากนั้นจึงใช้รถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ลากรถเข็นนำตู้เอทีเอ็มไปซ่อนไว้เพื่อหาทางเปิดตู้เอทีเอ็ม เพื่อเอาเงินที่อยู่ในตู้ แต่ชาวบ้านที่ออกไปกรีดยางพารามาพบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบจนพบตู้เอทีเอ็มซุกซ่อนในป่าละเมาะในสวนยางพารา จึงทำการตรวจยึดมาได้เสียก่อนที่คนร้ายจะหวนกลับมาเปิดตู้เอทีเอ็มฉกเงินในตู้ไป”
ร.ต.ท.ศุภชัย งามปลอด ร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า คาดว่าช่วงเกิดเหตุอยู่ในช่วงระว่างเวลา 01.00-04.00 น.ที่ผ่านมา และจากการสอบสวนสืบสวนทราบว่าตู้เอทีเอ็มดังกล่าวเป็นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาร่อนพิบูลย์ ที่มาติดตั้งใน ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์
สำหรับอาการที่ติดตั้งตู้เอทีเอ็ม ดังกล่าวนั้นเป็นอาคารชั่วคราวที่ยังไม่แข็งแรงและไม่มีระบบการป้องกันอย่างเพียงพอเหมือนธนาคารทั่วๆ ไป และจะมีการพัฒนาเป็นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์สาขาจุฬาภรณ์ต่อไป โดยทราบว่าตู้เอทีเอ็มดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร ดูแลรับผิดชอบอยู่เพียงคนเดียวแต่ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวอยู่ระหว่างการลาเดินทางไปต่างประเทศ จึงมีเจ้าหน้าที่ธนาคารสาขาร่อนพิบูลย์คนอื่นๆ แวะเวียนมาดูแลและเพิ่งนำเงินมาใส่ในตู้เอทีเอ็ม เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา
“หลังเกิดเหตุตำรวจได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรสาขาร่อนพิบูลย์ มาร่วมตรวจสอบแล้วพบว่าภายในตู้เอทีเอ็มมีเงินสดอยู่ 1.1 ล้านบาทเศษ สำหรับการติดตามจับกุมตัวคนร้ายนั้น จากการสอบสวนปากคำชาวบ้านที่พบเห็นกลุ่มร้ายระบุว่ากลุ่มคนร้ายมีประมาณ 4-5 คน ซึ่งคนร้ายได้นำกล่องอิเล็กทรอนิกส์บันทึกภาพของทีวีวงจรปิดไปด้วย จึงไม่สามารถตรวจสอบภาพจากทีวีวงจรปิดได้ว่าคนร้ายเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนสืบสวนตำรวจพอจะได้เค้าคนร้ายกลุ่มนี้แล้วเป็นคนในพื้นที่หมู่ 4 ต.สามตำบลนั้นเอง ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับกุมจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และมั่นใจว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ได้อย่างแน่นอน” ร.ต.ท.ศุภชัย กล่าว
