ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – หาดใหญ่โพลชี้สังคมยอมรับเพศที่ 3 มากขึ้น อึ้ง! มอง"สวิงกิ้ง"เป็น"กิจกรรมทางเพศที่น่าทดลอง"ถึงร้อย 24 เป็น"รสนิยมที่วิปริต"ร้อยละ 21 "เสี่ยงติดเชื้อโรค"ร้อยละ 20 ขานรับสภากาชาดไทยปฏิเสธรับเลือดจากเกย์ พร้อมเชื่อตัดอัณฑะกระเทยเด็กผิดจรรยาแพทย์ แนะสถาบันการศึกษาช่วยเฝ้าระวัง/ป้องกันปัญหาเพศที่ 3 จี้รัฐบาลต้องมีบทบาท
หาดใหญ่โพลโดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของเยาวชน และประชาชนในจังหวัดสงขลา จำนวน 800 ตัวอย่าง เกี่ยวกับพฤติกรรมของเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน โดยใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่าง วันที่ 2-4 เมษายน 2551 พบว่าเยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่ (ร้อยละ 88.5) ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพฤติกรรมของเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่ง (ร้อยละ 63.6) ได้รับข่าวสารจากสื่อโทรทัศน์ ประมาณครึ่งหนึ่งของเยาวชน และประชาชนชาวสงขลา (ร้อยละ 53.2) มีเพื่อน หรือคนรู้จักเป็นเกย์,กระเทย , ทอม และดี้
ในส่วนความคิดเห็นของเยาวชน และประชาชนชาวสงขลา ที่มีต่อเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่ยอมรับได้ที่มีต่อเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ 69.7 โดยให้เหตุผลว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล ร้อยละ 34.4 รองลงมาให้เหตุผลว่าเป็นกลุ่มคนที่สังคมปัจจุบันได้ให้การยอมรับแล้ว ร้อยละ 22.1 และให้ความเห็นใจเนื่องจากคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ร้อยละ 14.5 ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของเพศที่สาม คิดเป็นร้อยละ 30.3 โดยให้เหตุผลว่าเพศที่สามมักจะแสดงออกทางเพศมากเกินควร ร้อยละ 42.4 รองลงมาให้เหตุผลว่า เป็นกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ร้อยละ 26.0 และเป็นกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ร้อยละ 24.2
ในส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศมากที่สุด พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาคิดว่า ความผิดปกติของฮอร์โมนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเบี่ยงเบนทางเพศมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 32.2 รองลงมา คือ สภาพแวดล้อมในครอบครัว ร้อยละ 29.2 การคบเพื่อน ร้อยละ 27.1 และ อิทธิพลจากสื่อ, ดารา, บุคคลสำคัญในสังคม ร้อยละ 11.4 ตามลำดับ โดย1 ใน 3 ของเยาวชน และประชาชนชาวสงขลา (ร้อยละ 74.3) เห็นว่า คนไทยมีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 20.4 และมีแนวโน้มลดลงร้อยละ 5.3 ตามลำดับ
จากการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว สวิงกิ้ง (swinging) หรือการแลกเปลี่ยนคู่นอนและมีเพศสัมพันธ์ในแต่ละครั้งพร้อมกันหลายคน ที่มีการเชิญชวนกันอย่างแพร่หลายในเว็บไซต์ Hi5 พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นว่าเป็นกิจกรรมทางเพศที่น่าทดลองปฏิบัติ ร้อยละ 24.2 รองลงมาคิดว่าเป็นรสนิยมทางเพศที่วิปริตผิดปกติ ร้อยละ 21.8 เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ร้อยละ 20.8 เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ร้อยละ 20.4 และ คิดว่าเป็นการตามแฟชั่น ไม่ตกยุค ร้อยละ 12.6 ตามลำดับ
นอกจากนี้แล้ว เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว“ กระเทยเด็ก” อายุไม่ถึง 15 ปี นิยมตัดอัณฑะเพื่อชะลอฮอร์โมนเพศชาย พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 29.0 เห็นว่า ผิดจรรยาบรรณแพทย์ รองลงมาคือ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ร้อยละ 25.6 เป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ร้อยละ 24.8 ควรเฝ้าระวังบุตรหลานตัวเองให้มากขึ้น ร้อยละ 10.5 และ เป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิต ร้อยละ 9.7 ตามลำดับ
ในส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว แพทยสภามีคำสั่งให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ห้ามทำการผ่าตัดอัณฑะให้กับชายที่ต้องการเป็นหญิง พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่เห็นด้วย (ร้อยละ 80.8) โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า เป็นจริยธรรม คุณธรรม และมาตรฐานแห่งวิชาชีพของแพทย์ ร้อยละ 46.7 รองลงมา คือ การตัดอัณฑะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร้อยละ 19.4 เพื่อแก้ไขปัญหาคลีนิคเถื่อนผิดกฏหมายได้ ร้อยละ 17.8 และ เป็นการป้องกันเด็กไม่บรรลุนิติภาวะแอบไปตัดอัณฑะได้ ร้อยละ 15.6 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มที่เห็นว่าไม่เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 19.2 โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย (ร้อยละ 39.7) รองลงมา คิดว่าเป็นการสกัดกั้นความต้องการส่วนบุคคล (ร้อยละ34.4) และ คิดว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล (ร้อยละ 25.8)
ในส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว สภากาชาดไทย ออกกฎคุมเข้มปฏิเสธรับเลือดบริจาคจากกะเทย เกย์ พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่เห็นด้วย (ร้อยละ 66.8) โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการลดงบประมาณในการตรวจเช็คเลือด ร้อยละ 43.6 รองลงมาคือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ได้รับบริจาคเลือด ร้อยละ 28.0 และคิดว่ากลุ่มกะเทย เกย์ มีความเสี่ยงการติดเชื้อโรคสูง ร้อยละ 27.4
ส่วนกลุ่มที่เห็นว่าไม่เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 33.1 โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย(ร้อยละ 33.6) รองลงมา คิดว่ากลุ่มกะเทย เกย์ควรมีสิทธิเท่าเทียมกับทุกคน (ร้อยละ32.0) และ คิดว่าคนที่สำส่อนทางเพศก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน (ร้อยละ 30.9)
จากการสำรวจเยาวชน และประชาชนชาวสงขลาคิดว่าหากบุตรหลาน /คนรู้จักมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศ เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่จะดำเนินการดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ร้อยละ 41.3 รองลงมา ควรศึกษาพฤติกรรมคนกลุ่มนี้ เพื่อหาทางแก้ไข ร้อยละ 32.9 พาไปพบจิตแพทย์ ร้อยละ 32.0 อธิบายถึงข้อเสียของการมีพฤติกรรมแบบนี้ ร้อยละ 30.3 บอกให้เลิกคบเพื่อนในกลุ่ม ร้อยละ 29.5 บังคับให้เลิกพฤติกรรมเบี่ยงเบนในทันที ร้อยละ 27.1 ให้การสนับสนุนในสิ่งที่เค้าอยากเป็น ร้อยละ 23.1 และย้ายโรงเรียน เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ให้หมด ร้อยละ 22.9
ส่วนวิธีการแก้ไข พบว่า เยาวชนและประชาชนชาวสงขลา เสนอแนะวิธีการที่สามารถแก้ไขปัญหาพฤติกรรมของเพศที่สามในปัจจุบันได้ดีที่สุด คือ สถาบันการศึกษาต้องคอยช่วยเฝ้าระวัง/ป้องกัน (ร้อยละ 23.3) รองลงมา คือ รัฐบาลต้องเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา (ร้อยละ 19.5) ควรมีการให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเพศมากกว่านี้ (ร้อยละ 18.2) มีมาตรการควบคุมสื่อยั่วยุต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน (ร้อยละ 13.6) ให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อรองรับเพศที่สามอย่างชัดเจน (ร้อยละ 9.4) ครอบครัวควรดูแลและให้ความเข้าใจ (ร้อยละ 8.3) และ ดารา/บุคคลสาธารณะควรมีบุคลิกภาพเหมาะสมกับเพศ (ร้อยละ 7.1)
หาดใหญ่โพลโดยสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของเยาวชน และประชาชนในจังหวัดสงขลา จำนวน 800 ตัวอย่าง เกี่ยวกับพฤติกรรมของเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน โดยใช้แบบสำรวจเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการสำรวจระหว่าง วันที่ 2-4 เมษายน 2551 พบว่าเยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่ (ร้อยละ 88.5) ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพฤติกรรมของเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่ง (ร้อยละ 63.6) ได้รับข่าวสารจากสื่อโทรทัศน์ ประมาณครึ่งหนึ่งของเยาวชน และประชาชนชาวสงขลา (ร้อยละ 53.2) มีเพื่อน หรือคนรู้จักเป็นเกย์,กระเทย , ทอม และดี้
ในส่วนความคิดเห็นของเยาวชน และประชาชนชาวสงขลา ที่มีต่อเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่ยอมรับได้ที่มีต่อเพศที่สามในสังคมปัจจุบัน คิดเป็นร้อยละ 69.7 โดยให้เหตุผลว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล ร้อยละ 34.4 รองลงมาให้เหตุผลว่าเป็นกลุ่มคนที่สังคมปัจจุบันได้ให้การยอมรับแล้ว ร้อยละ 22.1 และให้ความเห็นใจเนื่องจากคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ร้อยละ 14.5 ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของเพศที่สาม คิดเป็นร้อยละ 30.3 โดยให้เหตุผลว่าเพศที่สามมักจะแสดงออกทางเพศมากเกินควร ร้อยละ 42.4 รองลงมาให้เหตุผลว่า เป็นกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ร้อยละ 26.0 และเป็นกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค ร้อยละ 24.2
ในส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศมากที่สุด พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาคิดว่า ความผิดปกติของฮอร์โมนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเบี่ยงเบนทางเพศมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 32.2 รองลงมา คือ สภาพแวดล้อมในครอบครัว ร้อยละ 29.2 การคบเพื่อน ร้อยละ 27.1 และ อิทธิพลจากสื่อ, ดารา, บุคคลสำคัญในสังคม ร้อยละ 11.4 ตามลำดับ โดย1 ใน 3 ของเยาวชน และประชาชนชาวสงขลา (ร้อยละ 74.3) เห็นว่า คนไทยมีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 20.4 และมีแนวโน้มลดลงร้อยละ 5.3 ตามลำดับ
จากการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว สวิงกิ้ง (swinging) หรือการแลกเปลี่ยนคู่นอนและมีเพศสัมพันธ์ในแต่ละครั้งพร้อมกันหลายคน ที่มีการเชิญชวนกันอย่างแพร่หลายในเว็บไซต์ Hi5 พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่ให้ความคิดเห็นว่าเป็นกิจกรรมทางเพศที่น่าทดลองปฏิบัติ ร้อยละ 24.2 รองลงมาคิดว่าเป็นรสนิยมทางเพศที่วิปริตผิดปกติ ร้อยละ 21.8 เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ร้อยละ 20.8 เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ร้อยละ 20.4 และ คิดว่าเป็นการตามแฟชั่น ไม่ตกยุค ร้อยละ 12.6 ตามลำดับ
นอกจากนี้แล้ว เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว“ กระเทยเด็ก” อายุไม่ถึง 15 ปี นิยมตัดอัณฑะเพื่อชะลอฮอร์โมนเพศชาย พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 29.0 เห็นว่า ผิดจรรยาบรรณแพทย์ รองลงมาคือ เป็นสิทธิส่วนบุคคล ร้อยละ 25.6 เป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ร้อยละ 24.8 ควรเฝ้าระวังบุตรหลานตัวเองให้มากขึ้น ร้อยละ 10.5 และ เป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิต ร้อยละ 9.7 ตามลำดับ
ในส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว แพทยสภามีคำสั่งให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ห้ามทำการผ่าตัดอัณฑะให้กับชายที่ต้องการเป็นหญิง พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่เห็นด้วย (ร้อยละ 80.8) โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า เป็นจริยธรรม คุณธรรม และมาตรฐานแห่งวิชาชีพของแพทย์ ร้อยละ 46.7 รองลงมา คือ การตัดอัณฑะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ร้อยละ 19.4 เพื่อแก้ไขปัญหาคลีนิคเถื่อนผิดกฏหมายได้ ร้อยละ 17.8 และ เป็นการป้องกันเด็กไม่บรรลุนิติภาวะแอบไปตัดอัณฑะได้ ร้อยละ 15.6 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มที่เห็นว่าไม่เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 19.2 โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย (ร้อยละ 39.7) รองลงมา คิดว่าเป็นการสกัดกั้นความต้องการส่วนบุคคล (ร้อยละ34.4) และ คิดว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล (ร้อยละ 25.8)
ในส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าว สภากาชาดไทย ออกกฎคุมเข้มปฏิเสธรับเลือดบริจาคจากกะเทย เกย์ พบว่า เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่เห็นด้วย (ร้อยละ 66.8) โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการลดงบประมาณในการตรวจเช็คเลือด ร้อยละ 43.6 รองลงมาคือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ได้รับบริจาคเลือด ร้อยละ 28.0 และคิดว่ากลุ่มกะเทย เกย์ มีความเสี่ยงการติดเชื้อโรคสูง ร้อยละ 27.4
ส่วนกลุ่มที่เห็นว่าไม่เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 33.1 โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสีย(ร้อยละ 33.6) รองลงมา คิดว่ากลุ่มกะเทย เกย์ควรมีสิทธิเท่าเทียมกับทุกคน (ร้อยละ32.0) และ คิดว่าคนที่สำส่อนทางเพศก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน (ร้อยละ 30.9)
จากการสำรวจเยาวชน และประชาชนชาวสงขลาคิดว่าหากบุตรหลาน /คนรู้จักมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศ เยาวชน และประชาชนชาวสงขลาส่วนใหญ่จะดำเนินการดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ร้อยละ 41.3 รองลงมา ควรศึกษาพฤติกรรมคนกลุ่มนี้ เพื่อหาทางแก้ไข ร้อยละ 32.9 พาไปพบจิตแพทย์ ร้อยละ 32.0 อธิบายถึงข้อเสียของการมีพฤติกรรมแบบนี้ ร้อยละ 30.3 บอกให้เลิกคบเพื่อนในกลุ่ม ร้อยละ 29.5 บังคับให้เลิกพฤติกรรมเบี่ยงเบนในทันที ร้อยละ 27.1 ให้การสนับสนุนในสิ่งที่เค้าอยากเป็น ร้อยละ 23.1 และย้ายโรงเรียน เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ให้หมด ร้อยละ 22.9
ส่วนวิธีการแก้ไข พบว่า เยาวชนและประชาชนชาวสงขลา เสนอแนะวิธีการที่สามารถแก้ไขปัญหาพฤติกรรมของเพศที่สามในปัจจุบันได้ดีที่สุด คือ สถาบันการศึกษาต้องคอยช่วยเฝ้าระวัง/ป้องกัน (ร้อยละ 23.3) รองลงมา คือ รัฐบาลต้องเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา (ร้อยละ 19.5) ควรมีการให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเพศมากกว่านี้ (ร้อยละ 18.2) มีมาตรการควบคุมสื่อยั่วยุต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน (ร้อยละ 13.6) ให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อรองรับเพศที่สามอย่างชัดเจน (ร้อยละ 9.4) ครอบครัวควรดูแลและให้ความเข้าใจ (ร้อยละ 8.3) และ ดารา/บุคคลสาธารณะควรมีบุคลิกภาพเหมาะสมกับเพศ (ร้อยละ 7.1)
