ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สถาบันทักษิณคดีศึกษา เชิญชวนผู้สนใจร่วมกิจกรรมประเพณีขึ้นเบญจา-รดน้ำสามสมเด็จ และชมการสาธิตการแทงหยวกประดิษฐ์เบญจา ณ บริเวณลานหอชมวิว สถาบันทักษิณคดีศึกษา ในวันที่ 10-16 เม.ย.51 เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ เชิญร่วมสืบสานประเพณีขึ้นเบญจา และรดน้ำขอพรสามสมเด็จแห่งลุ่มทะเลสาบสงขลา ได้แก่ สมเด็จเจ้าพะโคะ, สมเด็จเจ้าเกาะยอ และสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ซึ่งเป็นพระอริยสงฆ์ที่ชาวภาคใต้ให้ความศรัทธามาช้านาน และตามตำนานเล่าขานว่าทั้งสามท่านเป็นสหธรรมิกหรือเป็นเพื่อนเกลอกัน
ในช่วงประเพณีสงกรานต์ของชาวภาคใต้ ซึ่งตรงกับวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี ชาวภาคใต้นิยมจัดประเพณีสระหัว หรือรดน้ำพระภิกษุอาวุโส หรือผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นที่ยกย่องนับถือของคนทั่วไป โดยนิมนต์พระภิกษุหรือเชิญผู้สูงอายุขึ้นนั่งบนเบญจา หรือบิญจา เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลานได้รดน้ำขอพร เบญจามีลักษณะคล้ายบุษบก ประกอบด้วยฐานแกะสลักลาย มีเสาสี่เสา และมีเรือนยอด ประกอบเป็นองค์ห้า จึงเรียกว่าเบญจาซึ่งหมายถึงเครื่องห้า โดยทั่วไปจะนิยมประดิษฐ์เบญจาด้วยการแกะหยวกหรือแทงหยวกเป็นลวดลายสวยงาม เบญจาที่มีความสมบูรณ์จะมีท่อน้ำเป็นรูปพญานาค เพื่อให้ชาวบ้านใส่น้ำอบ และโรยดอกไม้ ให้น้ำจากท่อพญานาคไหลรดพระสงฆ์หรือผู้สูงอายุ
ปัจจุบันสามารถชมเบญจาโบราณได้ที่ห้องจัดแสดงในอาคารบ้านหลังคาจั่ว ภายในพิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันทักษิณคดีศึกษา นอกจากนี้ภายในอาคารดังกล่าว ยังมีห้องสามสมเด็จซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนสามสมเด็จเจ้าแห่งลุ่มทะเลสาบสงขลาด้วย
เพื่อสืบสานประเพณีรดน้ำขึ้นเบญจาและเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้รดน้ำขอพรสมสามเด็จ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตในวาระวันขึ้นปีใหม่ของไทย สถาบันทักษิณคดีศึกษาในฐานะหน่วยงานทางวัฒนธรรมจึงกำหนดจัดประเพณีขึ้นเบญจา-รดน้ำสามสมเด็จขึ้นในวันที่ 11-16 เมษายน 2551 ณ บริเวณลานหอชมวิว สถาบันทักษิณคดีศึกษา โดยอัญเชิญสามสมเด็จจากห้องนิทรรศการมาประดิษฐานบนเบญจาเครื่องหยวกซึ่งมีท่อน้ำพญานาคเหมือนเบญจาโบราณทุกประการ ทั้งนี้ ในวันที่ 10 เมษายนจะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ชมการสาธิตการแทงหยวกอีกด้วย
สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ เชิญร่วมสืบสานประเพณีขึ้นเบญจา และรดน้ำขอพรสามสมเด็จแห่งลุ่มทะเลสาบสงขลา ได้แก่ สมเด็จเจ้าพะโคะ, สมเด็จเจ้าเกาะยอ และสมเด็จเจ้าเกาะใหญ่ ซึ่งเป็นพระอริยสงฆ์ที่ชาวภาคใต้ให้ความศรัทธามาช้านาน และตามตำนานเล่าขานว่าทั้งสามท่านเป็นสหธรรมิกหรือเป็นเพื่อนเกลอกัน
ในช่วงประเพณีสงกรานต์ของชาวภาคใต้ ซึ่งตรงกับวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี ชาวภาคใต้นิยมจัดประเพณีสระหัว หรือรดน้ำพระภิกษุอาวุโส หรือผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นที่ยกย่องนับถือของคนทั่วไป โดยนิมนต์พระภิกษุหรือเชิญผู้สูงอายุขึ้นนั่งบนเบญจา หรือบิญจา เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลานได้รดน้ำขอพร เบญจามีลักษณะคล้ายบุษบก ประกอบด้วยฐานแกะสลักลาย มีเสาสี่เสา และมีเรือนยอด ประกอบเป็นองค์ห้า จึงเรียกว่าเบญจาซึ่งหมายถึงเครื่องห้า โดยทั่วไปจะนิยมประดิษฐ์เบญจาด้วยการแกะหยวกหรือแทงหยวกเป็นลวดลายสวยงาม เบญจาที่มีความสมบูรณ์จะมีท่อน้ำเป็นรูปพญานาค เพื่อให้ชาวบ้านใส่น้ำอบ และโรยดอกไม้ ให้น้ำจากท่อพญานาคไหลรดพระสงฆ์หรือผู้สูงอายุ
ปัจจุบันสามารถชมเบญจาโบราณได้ที่ห้องจัดแสดงในอาคารบ้านหลังคาจั่ว ภายในพิพิธภัณฑ์คติชนวิทยา สถาบันทักษิณคดีศึกษา นอกจากนี้ภายในอาคารดังกล่าว ยังมีห้องสามสมเด็จซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนสามสมเด็จเจ้าแห่งลุ่มทะเลสาบสงขลาด้วย
เพื่อสืบสานประเพณีรดน้ำขึ้นเบญจาและเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้รดน้ำขอพรสมสามเด็จ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตในวาระวันขึ้นปีใหม่ของไทย สถาบันทักษิณคดีศึกษาในฐานะหน่วยงานทางวัฒนธรรมจึงกำหนดจัดประเพณีขึ้นเบญจา-รดน้ำสามสมเด็จขึ้นในวันที่ 11-16 เมษายน 2551 ณ บริเวณลานหอชมวิว สถาบันทักษิณคดีศึกษา โดยอัญเชิญสามสมเด็จจากห้องนิทรรศการมาประดิษฐานบนเบญจาเครื่องหยวกซึ่งมีท่อน้ำพญานาคเหมือนเบญจาโบราณทุกประการ ทั้งนี้ ในวันที่ 10 เมษายนจะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ชมการสาธิตการแทงหยวกอีกด้วย