ปัตตานี – เจ้าหน้าที่ส่งตัวเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดริมถนนขณะกำลังเดินทางลาดตระเวนมารักษาตัวต่อที่ รพ.มอ.หาดใหญ่แล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งเตือนคนร้ายพุ่งซุกระเบิดในเพิงพักร้อนริมทาง จนกระทั่งเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวที่เข้าไปหลบร้อนขณะปฏิบัติงาน
ความคืบหน้าเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนเส้นทางพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี วันนี้ (1 ม.ย.) เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย ตามที่รายงานเบื้องต้นแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยเส้นทางสังกัด สภ.ยะหริ่ง ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 นาย ถูกนำส่งโรงพยาบาลอำเภอยะหริ่งเป็นการด่วน ทราบชื่อได้แก่ ร.ต.ต.วินัย นันทโกวัฒน์ รอง สวป.สภ.ยะหริ่ง บาดเจ็บเล็กน้อย ส.ต.อ.อารัทธ์ สาเล่ ผบ.หมู่ปรบปราม สภ.ยะหริ่ง อาการสาหัส และส.ต.อ.อดุลย์ สะแลแม ผบหมู่ปรับปราม สภ.ยะหริ่ง อาการสาหัส
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ปัตตานี พร้อมด้วยกองวิทยาการ ได้เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นเพลิงขายลูกตาลและอาหารแห้งของชาวบ้าน ที่สร้างริมถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด บริเวณด้านในพบมีหลุมระเบิดขนาดลึก 50 เซนติเมตร กว้าง 100 เซนติเมตร บริเวณที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ และชิ้นส่วนของกล่องเหล็ก ที่คนร้ายใช้ประกอบระเบิด มีน้ำหนักรวมประมาณ 5 กิโลกรัม
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนอาวุธปืนสงครามเอชเคของเจ้าหน้าที่ จำนวน 2 กระบอกที่ถูกแรงระเบิดอัดกระเด็นห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังพบเสื้อเกราะและหมวกแก๊ปของเจ้าหน้าที่ถูกแรงระเบิดฉีกขาดตกบริเวณที่เกิดเหตุ
จากกาสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะหริ่ง จำนวน 6 นาย นำโดยร.ต.ต.วินัย นันทโกวัฒน์ รองสวป.สภ.ยะหริ่ง เพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเส้นทางดังกล่าว ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เข้าไปพักร้อน ภายในเพิงดังกล่าวจึงเกิดเหตุระเบิดดังขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้รับการเตือนจากผู้บังคับบัญชาให้ระมัดระวัง ไม่ควรหลบเข้าพักในเพิงข้างทางเป็นอันขาด เพราะมีเบาะแสว่าคนร้ายเตรียมจะก่อเหตุระเบิด จนกระทั่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นดังกล่าว
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากแรงระเบิดนั้นทางโรงพยาบาลปัตตานี ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์