นครศรีธรรมราช – หนุ่มคลั่งทุบตีทำลายข้าวของขนมากองรวมจุดไฟเผา ควงมีด และขวานจับเมียและลูกเลี้ยงเป็นตัวประกัน มีดปาดคอลูกเลี้ยงอย่างโหดเหี้ยม โชคดีมีดเก่าแค่บาดเจ็บ กระถางต้นไม้ทุบใส่ก่อนจับเมียลากเข้าห้องน้ำ ตร.ระดมกำลังช่วยสุดระทึก พังประตูช่วยสาวเจ้าของร้านเสริมสวยรอดตายหวุดหวิด ก่อนรวบตัวได้
เมื่อเวลา 08.45 น.วันนี้ (18 มี.ค.) พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ สวส.(สบ 3) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่า มีคนคลุ้มคลั่งอาละวาดทำลายข้าวของและทำร้ายร่างกายเมียและลูกเลี้ยงอย่างโหดเหี้ยม เหตุเกิดที่ร้านเสริมสวยไม่มีชื่อ เลขที่ 3 ถนนประตูลอด ต.ในเมือง อ.เมือง
หลังรับแจ้งแล้ว จึงวิทยุแจ้งให้ตำรวจสายตรวจรีบเข้าระงับเหตุ พบว่า มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงดังออกมาอย่างโหยหวน และพบ นายสมจิตร พรหมรักษา อายุ 46 ปี หรือที่รู้จักกันในนาม “จริง ปากพนัง” มีภูมิลำเนาอยู่เลขที่ 8/3 ถนนประชาวัฒนา ซอยวัดเสาธงทอง ต.ปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช สภาพอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ในมือถือมีดปลายแหลมยาวประมาณ 5 นิ้ว มืออีกข้างถือขวานเล่มใหญ่ และใช้ขวานทุบตีทำลายข้าวของภายในร้านเสริมสวยจนกระจุยกระจายเสียหายยับเยิน กระถางต้นไม้หน้าร้านแตกยับหลายกระถาง รถจักรยานยนต์ล้มคว่ำระเนระนาด
ขณะที่ชาวบ้านกำลังช่วยเหลือ ด.ญ.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ที่ถูกทำร้ายจนใบหน้าบวมปูด บริเวณลำคอถูกปาดด้วยมีดจนเป็นแผลยาวนำส่ง รพ.มหาราช
เมื่อ นายสมจิตร หรือ “จริง ปากพนัง” เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงตรงเข้าไปล็อกคอ นางประหยัด คำพรหม หรือ “แดง” อายุ 42 ปี เจ้าของร้านเสริมสวยและเป็นแม่ของ ด.ญ.ก้อย พร้อมตะโกนข่มขู่ตำรวจว่าห้ามเข้ามาเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะปาดคอนางประหยัด ด้วยมีดและขวานให้ตายคามือ
เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ นายสมจิตร ปล่อย นางประหยัด และยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สร้างความไม่พอใจให้กับนายสมจิตร เป็นอย่างมาก ด่ากราดเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนั้นได้ลากนางประหยัดเข้าไปอยู่ในห้องน้ำปิดล็อกประตูอย่างแน่นหนา และตะโกนข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ออกไปอย่าเข้ามายุ่งเรื่องผัวเมีย
จากนั้น นายสมจิตร ได้ใช้ขวานทุบตีข้าวของภายในห้องน้ำจนตกแตกกระจาย พร้อมทำร้ายนางประหยัดอย่างโหดเหี้ยม ท่ามกลางเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด และขอความช่วยเหลือของนางประหยัดดังออกมาอย่างน่าเวทนา
เจ้าหน้าที่ได้พยายามเกลี้ยกล่อม นายสมจิตร อยู่เป็นเวลานานแต่ก็ไม่เป็นผล โดย นายสมจิตร ตะโกนออกมาห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าใกล้ ไม่เช่นนั้นจะฟันนางประหยัดให้ตาย ในขณะที่นางประหยัด ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด และขอความช่วยเหลือออกมาเป็นระยะๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประกาศว่า หาก นายสมจิตร ใช้มีดหรือขวานทำร้ายนางประหยัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับตาย นายสมจิตร ทันที จากนั้นตำรวจตัดสินใจปีนขึ้นไปเปิดกระเบื้องหลังคาห้องน้ำ พร้อมกับพังประตูห้องน้ำ จนประตูห้องน้ำพังยับและลากตัวนางประหยัดออกมาได้อย่างสุดระทึก โดยสามารถจับกุมตัวนายสมจิตร เอาไว้ได้พร้อมของกลางขวาน 1 เล่ม มีดปลายแหลมสภาพเก่า 1 เล่ม และควบคุมตัวนายสมจิตร พร้อมมีดและขวานของกลางส่งมอบให้ พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วน นางประหยัด มูลนิธิประชาร่วมใจนำส่ง รพ.มหาราช โดยในเบื้องต้นพบว่า ศีรษะถูกตีด้วยขวานจนแตกเป็นแผลฉกรรจ์ ใบหน้าและศีรษะบวมปูดอย่างรุนแรง เส้นผมหลุดจากหนังศีรษะเป็นกระจุก ร่างกายส่วนอื่นๆ เป็นช้ำเขียวทั้งตัว
จากการสอบสวน นายประเวศน์ คำพรหม อายุ 39 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่เลขที่ 33 หมู่ 9 ต.ช่องสามหมอ อ.แก่งคร้อ จ.ชัยภูมิ น้องชายของ นางประหยัด ได้ความว่า นางประหยัด เป็นภรรยาของผู้ใหญ่บ้านชื่อดังคนหนึ่งของ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ ด.ญ.ก้อย อายุ 14 ปี นักเรียน ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใกล้กับที่เกิดเหตุ แต่เมื่อ 2 ปีก่อนผู้ใหญ่บ้านสามีของนางประหยัด ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตนางประหยัด จึงขอให้ตนมาอยู่เป็นเพื่อนโดยเปิดร้านเสริมสวยอยู่ในที่เกิดเหตุ
ต่อมา นายสมจิตร ซึ่งไม่มีงานการทำเป็นหลักแหล่งแต่ทำตัวเป็นนักเลงโตมาติดพันธ์นางประหยัด จนได้เสียอยู่กินเป็นผัวเมียโดยนายสมจิตร เข้ามาอยู่ในบ้าน และให้นางประหยัดเปิดร้านขายน้ำชา กาแฟ บริเวณที่ว่างข้างร้านเสริมสวยและขายในเวลากลางคืน ติดป้ายชื่อร้านกาแฟ “คนโบราณ ...จริง ปากพนัง”
ในระหว่างที่อยู่กินด้วยกัน นายสมจิตร ไม่ยอมทำงานทำการใด ๆ โดยนางประหยัดเป็นผู้ทำงานหาเงินใช้จ่ายในครัวเรือนเองทั้งหมด ต่อมานางประหยัด จับได้ว่านายสมจิตร ไปได้แม่หม้ายลูกติด 3 คนเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าเป็ด บริเวณริมถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นางประหยัดจึงขอแยกทางกับนายสมจิตร แต่นายสมจิตร ไม่ยอมและทุบตีนางประหยัด และ ด.ญ.จำรัสรัตน์ พร้อมอาละวาดทำลายข้าวของภายในร้านเสริมสวยจนได้รับความเสียหายยับเยิน
“ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา นายสมจิตร อาละวาดทำร้ายร่างกายนางประหยัด และ ด.ญ.จำรัสรัตน์ จนต้องหลบหนีออกจากบ้านไปขออาศัยนอนที่บ้านของ ด.ต.สนิท มหันตมรรค และนางประหยัด จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจและขอให้ควบคุมตัวนายสมจิตร ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาพนักงานสอบสวนเวรพร้อมตำรวจสายตรวจ 5-6 คน เดินทางมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้รับแจ้งความและควบคุมตัวนายสมจิตร ไปดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยตำรวจอ้างว่าเป็นการเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน เป็นปัญหาภายในครอบครัวและยังขนเสื้อผ้านางประหยัดและของ ด.ญ.ก้อย พร้อมข้าวของในร้านเสริมสวยมากองและจุดไฟเผา”
จนกระทั่งรุ่งเช้า นางประหยัด ได้ให้ น.ส.นฤมล มหันตมรรค อายุ 21 ปี บุตรสาวของ ด.ต.สนิท ขับรถจักรยานยนต์มาดูว่า นายสมจิตร ยังอยู่ที่ร้านเสริมสวยหรือไม่ และไม่พบนายสมจิตร น.ส.นฤมล จึงไปรับนางประหยัด และ ด.ญ.ก้อยสองแม่ลูกกลับมาที่ร้านเสริมสวย แต่เมื่อเข้าไปในร้านพบนายสมจิตร แอบซ่อนตัวอยู่ในร้าน และลงมือทุบตีทำร้ายนางประหยัดและ ด.ญ.ก้อย อย่างโหดร้ายทารุณ และจับสองแม่ลูกเป็นตัวประกัน จนตำรวจบุกมาช่วยออกมาได้อย่างหวุดหวิดและสุดระทึกดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด.ญ.ก้อย แพทย์อนุญาตให้ออกจาก รพ.แล้ว แต่ นางประหยัด ซึ่งมีอาการสาหัส แพทย์ให้นอนพักรักษาตัวที่ รพ.อีกระยะหนึ่ง เพื่อตรวจเช็คสมองว่าได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอันตรายหรือไม่ ส่วน นายสมจิตร ขณะอยู่บนโรงพักก็พยายามสอบถามถึงตำรวจคนนั้นคนนี้ เพื่อแสดงว่าตัวเองเป็นคนที่กว้างขวางรู้จักตำรวจทุกระดับ แต่ตำรวจไม่ได้สนใจควบคุมตัวเข้าห้องขัง รอให้สงบสติอารมณ์ก่อนสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป