ระนอง - จังหวัดระนองใช้มาตรการสกัดกั้นกลุ่มมุสลิมโรฮิงญาตั้งแต่น่านน้ำสากล เพื่อไม่ให้เข้าถึงฝั่งเพราะจะเกิดปัญหาในการดูแลเลี้ยงดู
นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขณะนี้ชนกลุ่มน้อยกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา จากรัฐอาระกัน หรือยะไข่ ประเทศพม่า ได้อพยพทางเรือเข้ามายังจังหวัดระนองเป็นจำนวนมาก ทำให้จังหวัดขาดงบประมาณในการเลี้ยงดู และเมื่อขึ้นฝั่งแล้วมีการผลักดันออกไปก็จะลักลอบกลับเข้ามาอีก
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จังหวัดจึงได้มีมาตรการในการสกัดกั้น 3 ชั้น ตั้งแต่อยู่ในน่านน้ำสากล โดยให้ทหารเรือจากกองเรือภาคที่ 3 เป็นผู้รับผิดชอบ หากพบเรือของมุสลิมโรฮิงญาก็จะไม่ให้เข้าสู่น่านน้ำของไทย
แต่หากเล็ดลอดเข้ามาสู่น่านน้ำของไทยก็จะให้ตำรวจน้ำและทหารหน่วยเฉพาะกิจเสือดำสกัดกั้นและผลักดันออกไปทันที และหากสามารถลักลอบมาขึ้นฝั่งได้ก็จะให้ฝ่ายปกครองเป็นผู้รับผิดชอบจับกุมแล้วนำตัวมาสอบสวนหาผู้ชักนำมาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้อพยพและผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ปัญหาเมื่อผลักดันออกไปแล้วคนกลุ่มนี้จะอพยพกลับเข้ามาอีก ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลคนกลุ่มนี้เพราะเข้ามาแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 50 คน บางครั้งมากถึงร้อยคน
นอกจากนี้ งบประมาณค่าน้ำมันในการลาดตระเวนแต่ละครั้งก็ต้องใช้จำนวนมากซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลาง แต่ใช้งบประมาณปกติของแต่ละส่วนราชการที่มีอยู่ จึงอยากจะให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องมุสลิมโรฮิงญาโดยเร็ว ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้
นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขณะนี้ชนกลุ่มน้อยกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา จากรัฐอาระกัน หรือยะไข่ ประเทศพม่า ได้อพยพทางเรือเข้ามายังจังหวัดระนองเป็นจำนวนมาก ทำให้จังหวัดขาดงบประมาณในการเลี้ยงดู และเมื่อขึ้นฝั่งแล้วมีการผลักดันออกไปก็จะลักลอบกลับเข้ามาอีก
ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จังหวัดจึงได้มีมาตรการในการสกัดกั้น 3 ชั้น ตั้งแต่อยู่ในน่านน้ำสากล โดยให้ทหารเรือจากกองเรือภาคที่ 3 เป็นผู้รับผิดชอบ หากพบเรือของมุสลิมโรฮิงญาก็จะไม่ให้เข้าสู่น่านน้ำของไทย
แต่หากเล็ดลอดเข้ามาสู่น่านน้ำของไทยก็จะให้ตำรวจน้ำและทหารหน่วยเฉพาะกิจเสือดำสกัดกั้นและผลักดันออกไปทันที และหากสามารถลักลอบมาขึ้นฝั่งได้ก็จะให้ฝ่ายปกครองเป็นผู้รับผิดชอบจับกุมแล้วนำตัวมาสอบสวนหาผู้ชักนำมาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้อพยพและผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ปัญหาเมื่อผลักดันออกไปแล้วคนกลุ่มนี้จะอพยพกลับเข้ามาอีก ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลคนกลุ่มนี้เพราะเข้ามาแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 50 คน บางครั้งมากถึงร้อยคน
นอกจากนี้ งบประมาณค่าน้ำมันในการลาดตระเวนแต่ละครั้งก็ต้องใช้จำนวนมากซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลาง แต่ใช้งบประมาณปกติของแต่ละส่วนราชการที่มีอยู่ จึงอยากจะให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องมุสลิมโรฮิงญาโดยเร็ว ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากกว่านี้