สุราษฎร์ธานี-เมีย “พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.41” โต้เงินลงทุนทำร้านอาหาร 8 แสน กู้จากสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขสุราษฎร์ธานี จำกัด ไม่ใช้ได้มาจากการรีดไถใด ๆ ทั้งสิ้น เชื่อสามีถูกกลั่นแกล้ง-ทำลายชื่อเสียง ตชด.ให้มัวหมอง
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่ร้านอาหาร “พุงกาง” ตั้งอยู่ ถ.ราษฎร์อุทิศ เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี นางเสาวลักษณ์ คล้ายอุดม อายุ 40 ปี หุ้นส่วนเจ้าของกิจการร้านอาหาร “พุงกาง” ภรรยา พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.41
ที่ถูกจับกุมร่วมแก๊ง ตชด.ของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ ผบ.หมวด 426 กก.ตชด.จ.นครศรีธรรมราช ช่วยราชการ กก.ตชด.41 จ.ชุมพร กับพวก เปิดแถลงข่าวถึงแหล่งที่มาเงินลงทุนทำร้านอาหารดังกล่าว ว่า
เงินทั้งหมดที่นำมาลงทุนทำร้านอาหาร “พุงกาง” ตนกู้มาจากสหกรณ์ออมทรัพย์สาธารณสุขสุราษฎร์ธานี จำกัด จำนวน 800,000 บาท โดยผ่อนส่งคืนเดือนละ 8,000 บาท เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งไม่ใช้เงินที่ได้มาจากการรีดไถ หรือฟอกเงินใด ๆ ทั้งสิ้น
นางเสาวลักษณ์ กล่าวว่า สามีตนไม่เคยสั่งให้ลูกน้องทำชั่ว และการทำงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีประวัติมัวหมอง ตั้งใจทำงานมาตลอดจนได้รับโล่จากหน่วยงานต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และยังทำบุญซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลเลิดสิน กรุงเทพฯเป็นประจำ
ขออย่าพิพากษาว่าเป็นคนชั่ว ขอให้แยกแยะใครผิดใครถูก อย่าเหมารวมหมด เพราะสามีไม่เคยสั่งให้นำยาบ้าไปขาย และอย่าทำร้ายชาวบ้าน หลังสามีถูกจับสภาพครอบครัวแย่มากร้านอาหารมีลูกค้าน้อยลง ขายได้วันละ 6,000 บาท ทั้งยังมีตำรวจหน่วยอื่น มาพูดจาว่า ร้านจะถูกยึดอีก
นางเสาวลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า เชื่อว่าการจับกุมครั้งนี้ เป็นแผนที่ต้องการเล่นงานสามี และทำลายชื่อเสียงของตำรวจ ตชด. เพราะมีเพื่อนตำรวจรายหนึ่งมาบอกตนว่า มีระดับนายพล 2 นาย สั่งการให้จับสามี ไม่ใช่ให้มามอบตัว จึงมารู้ทีหลังว่า ถูกหักหลังแล้ว เนื่องจากช่วงนั้น พ.ต.ท.สุรกิตติ์ เข้าศึกษาหลักสูตรผู้กำกับอยู่ที่กรุงเทพฯได้มอบงานให้ผู้อื่นทำแทนหมดแล้ว ตนเคยบอกสามีว่า อยากให้หยุดทำได้แล้ว เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียว.