นราธิวาส – ผบก.นราธิวาส เผยสถานการณ์ไฟใต้เริ่มดีขึ้น ระบุ เหตุรุนแรงลดจากปี 49 ความสูญเสียน้อยลง ชี้คุมตัวแกนนำ-แนวร่วมได้เพียบ ปี 51 เน้นคุมเข้มพื้นที่เสี่ยงที่เกิดเหตุบ่อย
พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสในภาพรวม ทั้งเหตุลอบวางระเบิด ลอบยิงรายวัน ลอบวางเพลิง และป่วนตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ ว่า ขณะนี้เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ถือว่าลดลงจากช่วงปีที่ผ่านมามาก ซึ่งมีการเปรียบเทียบระหว่างปี 2550 และ ปี 2549 แล้วนั้นพบว่าปี 2550 เหตุการณ์ต่างๆ ลดลง โดยเฉพาะเหตุลอบยิงรายวันทั้งลอบยิงชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
ส่วนเหตุลอบวางระเบิดนั้นในช่วงปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดสามารถเข้าเก็บกู้ได้ทันในหลายเหตุการณ์ ซึ่งได้ลดจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและความเสียหายได้มาก ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายพื้นที่ก็สามารถติดตามและควบคุมตัวมาดำเนินคดีได้หลายราย ซึ่งบางรายอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผล
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามกลุ่มก่อความไม่สงบที่ถือว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมอาร์เคเคได้จากการขยายผลได้หลายคดี โดยผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวได้มีการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมกลุ่มก่อความไม่สงบที่เป็นระดับแกนนำได้หลายราย รวมถึงมีการควบคุมตัวระดับผู้ปฏิบัติการด้วย
โดยหลังจากนี้คาดว่า น่าจะขยายผลได้อีกหลายคดี และจากการสอบสวน กลุ่มเหล่านั้นได้ให้การถึงเหตุผลที่เข้าร่วมในการก่อเหตุความไม่สงบมีหลายปัจจัยทั้งการหลงผิด ด้วยการถูกชักจูงจากกลุ่มผู้นำศาสนา ผู้ที่นำถือ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของยาเสพติด ค่าตอบแทน และเรื่องของอุดมการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวด้วยว่า ขณะนี้พื้นที่สีแดงของจังหวัดนราธิวาสนั้นถือว่าลงลดมาก แต่สำหรับการทำงานในปี 2551 นี้ เจ้าหน้าที่ก็ยังคงต้องดูแลเข้มในทุกพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุร้าย และช่องว่างที่กลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะฉวยโอกาสก่อเหตุได้
โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยอย่างพื้นที่ อ.รือเสาะ อ.สุไหงโก-ลก อ.ระแงะ อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง ส่วนในพื้นที่ อ.เมือง ซึ่งถือเป็นพื้นที่เขตชุมชนเจ้าหน้าที่จะต้องมีการตรึงกำลังเพื่อดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งแผนที่เจ้าหน้าที่ใช้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแผนการปฏิบัติการในรูปแบบเดิมทั้งการวางกำลัง การเฝ้าระวัง การติดตาม การตั้งจุดตรวจลอย และการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อกดดันกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหว
แต่อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่เจ้าหน้าที่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงานบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับการก่อเหตุของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อที่จะป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะดีขึ้น เนื่องจากทางกลุ่มชาวบ้านเองก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากแล้ว
พล.ต.ต.พงษ์ศักดิ์ นาควิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสในภาพรวม ทั้งเหตุลอบวางระเบิด ลอบยิงรายวัน ลอบวางเพลิง และป่วนตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ ว่า ขณะนี้เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ถือว่าลดลงจากช่วงปีที่ผ่านมามาก ซึ่งมีการเปรียบเทียบระหว่างปี 2550 และ ปี 2549 แล้วนั้นพบว่าปี 2550 เหตุการณ์ต่างๆ ลดลง โดยเฉพาะเหตุลอบยิงรายวันทั้งลอบยิงชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
ส่วนเหตุลอบวางระเบิดนั้นในช่วงปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดสามารถเข้าเก็บกู้ได้ทันในหลายเหตุการณ์ ซึ่งได้ลดจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและความเสียหายได้มาก ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายพื้นที่ก็สามารถติดตามและควบคุมตัวมาดำเนินคดีได้หลายราย ซึ่งบางรายอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผล
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามกลุ่มก่อความไม่สงบที่ถือว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมอาร์เคเคได้จากการขยายผลได้หลายคดี โดยผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวได้มีการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมกลุ่มก่อความไม่สงบที่เป็นระดับแกนนำได้หลายราย รวมถึงมีการควบคุมตัวระดับผู้ปฏิบัติการด้วย
โดยหลังจากนี้คาดว่า น่าจะขยายผลได้อีกหลายคดี และจากการสอบสวน กลุ่มเหล่านั้นได้ให้การถึงเหตุผลที่เข้าร่วมในการก่อเหตุความไม่สงบมีหลายปัจจัยทั้งการหลงผิด ด้วยการถูกชักจูงจากกลุ่มผู้นำศาสนา ผู้ที่นำถือ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของยาเสพติด ค่าตอบแทน และเรื่องของอุดมการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวด้วยว่า ขณะนี้พื้นที่สีแดงของจังหวัดนราธิวาสนั้นถือว่าลงลดมาก แต่สำหรับการทำงานในปี 2551 นี้ เจ้าหน้าที่ก็ยังคงต้องดูแลเข้มในทุกพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุร้าย และช่องว่างที่กลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะฉวยโอกาสก่อเหตุได้
โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยอย่างพื้นที่ อ.รือเสาะ อ.สุไหงโก-ลก อ.ระแงะ อ.สุไหงปาดี และ อ.เจาะไอร้อง ส่วนในพื้นที่ อ.เมือง ซึ่งถือเป็นพื้นที่เขตชุมชนเจ้าหน้าที่จะต้องมีการตรึงกำลังเพื่อดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งแผนที่เจ้าหน้าที่ใช้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแผนการปฏิบัติการในรูปแบบเดิมทั้งการวางกำลัง การเฝ้าระวัง การติดตาม การตั้งจุดตรวจลอย และการปิดล้อมตรวจค้นเพื่อกดดันกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหว
แต่อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่เจ้าหน้าที่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงานบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับการก่อเหตุของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อที่จะป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลังจากนี้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้น่าจะดีขึ้น เนื่องจากทางกลุ่มชาวบ้านเองก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากแล้ว
