ชุมพร -บริษัทญี่ปุ่นลุยเกาะทะเลชุมพร ถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ แต่ปิดบังข้อมูลห้ามนักข่าว ช่างภาพจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด และสื่อมวลชนลงบันทึกภาพ อ้างเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แถมตระเวนออกนอกพื้นที่ขออนุญาตโดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐติดตามไปตรวจสอบแม้แต่คนเดียว
ที่ท่าเทียบเรือบริษัท บิวาย บิวซิเนส จำกัด ได้มีคณะถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ จากประเทศญีปุ่น ประมาณ 20 คน ทั้งหมดล้วนเป็นชายฉกรรจ์ได้เดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์ดังกล่าวที่บริเวณเกาะมะพร้าว หมู่ 7 ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร โดยมี น.ส.สุทธิมา สัญวงษ์ ปฎิบัติราชการแทนประชาสัมพันธ์ จ.ชุมพร พร้อมช่างภาพ ผู้สื่อข่าวจาก สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.ชุมพร และสื่อมวลชนท้องถิ่นจำนวนหนึ่งติดตามไปสังเกตการณ์และรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
เมื่อได้เวลาเรือเร็วที่คณะถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์จากประเทศญี่ปุ่นเตรียมไว้ได้เวลาออกจากท่าเที่ยบเรือ ปรากฏว่าตัวแทนจากคณะดังกล่าวได้ออกมาสั่งห้ามผู้สื่อข่าว ช่างภาพของ สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัด รวมทั้งสื่อมวลชนท้องถิ่นห้ามติดตามไปถ่ายภาพและทำข่าวอย่างเด็ดขาด โดยแสดงกริยาไม่พอใจและอ้างว่าจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์การถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ของบริษัท
ขณะที่ น.ส.สุทธิมา ก็ไม่สามารถพูดคุยเจรจากับคณะดังกล่าวได้ กระทั่งเรือเร็วได้พาคณะถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์จากประเทศญี่ปุ่นออกไปยังจุดหมายโดยไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐติดตามไปตรวจสอบการถ่ายทำแม้แต่คนเดียว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่ริมทะเลบริเวณหน้าเกาะพร้าว ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 3 กม. โดยมีเรือเร็วของคณะถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์จากประเทศญี่ปุ่น ขับแล่นวนเวียนผ่านอยู่ด้านหน้าเกาะพร้าวดังกล่าวได้ไม่นาน และได้ขับแล่นหายออกไปทางทิศใต้ในเขตพื้นที่ อ.สวี โดยกลุ่มผู้สื่อข่าวท้องถิ่นได้รอสังเกตการณ์อยู่นานกว่า 1 ชม.ก็ยังไม่กลับมาที่เกาะพร้าวตามที่แจ้งว่าจะใช้เป็นพื้นที่ถ่ายทำภาพยนตร์แต่อย่างใด
ด้าน นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ตนได้รับหนังสือแจ้งจากกองกิจการภาพยนต์ สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว ว่าได้อนุญาตให้คณะจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ในพื้นที่ จ.ชุมพร บริเวณเกาะพร้าวดังกล่าว ระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2550 โดยตนได้สั่งการให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ชุมพร และหน่วยงานเกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบตรวจสอบ กำกับ ดูแลการถ่ายทำภาพยนตร์ดังกล่าวแล้ว
“ผมได้สั่งการให้ สนง.ปชส.ชุมพร ออกไปติดตามกำกับดูแล แต่ไม่ได้รับแจ้งว่ากองถ่ายทำภาพยนตร์ไม่ยอมให้ช่างภาพจาก สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัด และสื่อมวลชนลงเรือติดตามไปด้วย จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ดังนั้นจึงต้องสั่งการให้ หน.ป้องกันจังหวัดชุมพร นำกำลัง อส.ไปตรวจสอบขอดูฟิล์ม หรือสื่ออื่นๆ ที่ใช้บันทึกภาพการถ่ายทำว่ามีการดำเนินการที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือนอกเหนือจากที่ขออนุญาตหรือไม่” นายมานิตกล่าว
ด้าน นางศศิธร สุวรรณมณี วัฒนธรรมจังหวัดชุมพร กล่าวว่า เพิ่งได้ทราบเรื่องจากผู้สื่อข่าวจึงต้องสั่งการให้หน่วยเฝ้าระวังวัฒนธรรมของสำนักงานฯ ออกไปติดตามตรวจสอบดูแล ถ้าพบว่าผิดกฎหมายก็จะดำเนินการทันที เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมดูแลอยู่แล้ว ในเรื่องนี้ถ้ามีการห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องติดตามไปถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพราะอาจสร้างความเสื่อมเสียแก่ประเทศไทยได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่แจ้งมาถึง จ.ชุมพร ดังกล่าว เป็นหนังสือจากสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว ถ.พระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ที่ กก.0405.05/0460 ลงวันที่ 7 พ.ย.50 เรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาหนังสือสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ใบรายงานผลการกำกับ ดูแล การถ่ายทำภาพยนตร์ สติกเกอร์ภาพยนตร์จำนวน 15 แผ่น โดยมีข้อความในหนังสือระบุด้วยว่า
“ด้วยสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ได้พิจารณาอนุญาตให้ บริษัท Office Two-one Inc. ประเทศญีปุ่น เข้ามาถ่ายทำรายการโทรทัศน์เรื่อง “Outside the Claaroom” ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 10-13 พ.ย.50 สถานที่ถ่ายทำคือกรุงเทพมหานคร และจังหวัดชุมพร โดยมีบริษัท จี พี เอ บางกอก จำกัด เป็นผู้ประสานงานในการถ่ายทำ
ในการนี้ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยวใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านอนุญาตให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร กำกับ ดูแล การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ดังกล่าวระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย.50 ให้การถ่ายทำเป็นไปตามเนื้อหาที่ได้รับอนุญาต โดยไม่ทำให้เกิดความเสื่อเสียชื่อเสียงแก่ประเทศไทย จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาอนุญาตให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดกำกับดูแลการถ่ายทำภาพยนตร์ ตามวันเวลา และสถานที่ดังกล่าวด้วย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคงได้รับความร่วมมือจากท่านด้วยดีเช่นเคย และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ลงชื่อ นางสาววรรณสิริ โมรากุล ผอ.กองกิจการภาพยนตร์ ปฎิบัติราชการแทน ผอ.สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว”