สุราษฎร์ธานี - พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติธรรมที่สวนโมกขพลาราม เศร้าสลด หลังทราบข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
จากกรณี พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี ได้มรณภาพลงเมื่อเวลา 09.09 น.วันนี้ (10 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริรวมอายุได้ 96 ปี
ที่สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า บรรดาพระลูกวัดธารน้ำไหล หรือ สวนโมกข์ ร่วมทั้งพุทธศาสนิกชนที่กำลังปฏิบัติธรรม เมื่อทราบข่าว ได้นั่งทำสมาธิ จิตใจ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล พร้อมทั้งรำลึกถึงคุณงามความดี ที่ท่านมีต่อสวนโมกข์
ขณะที่พระลูกวัด สวนโมกข์ ได้นำภาพถ่ายของ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ที่ถ่ายคู่กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ มาตั้งที่เก้าอี้หินอ่อน ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เมื่อเดินทางมาที่สวนโมกข์ จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ดังกล่าว เพื่อแสดงธรรมแก่ประชาชน
ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่เข้ามาท่องเที่ยว ศึกษาธรรม ที่สวนโมกข์ เมื่อทราบข่าวการมรณภาพ ต่างทยอยเข้ากราบไหว้ พร้อมกับหาหนังสือที่หลวงพ่อปัญญาได้บันทึกเผยแพร่ธรรม ที่วางจำหน่ายอยู่ในบริเวณสวนโมกข์
ทางด้าน พระครูใบฎีกา มณเฑียน มณฺฑิโร (หลวงพ่อจ้อย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล (สวนโมขพลาราม ) ฐานานุกรมหลวงพ่อปัญญา กล่าวว่า พระภวนาโพธิกุณ (อาจารย์โพธิ) เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล (สวนโมขพลาราม) พร้อมพระผู้ใหญ่จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ด้วยรถตู้ เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา หลังทราบข่าวการมรณภาพของ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
สำหรับ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ นั้นเป็นสหายธรรม ร่วมอุดมการณ์กับท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ และ พระราชญาณกวี (บ.ช.เขมาภิรัต) อดีตเจ้าสำนักเรียนวัดขันเงิน ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ที่เปรียบเสมือนเป็นพี่น้องร่วมสาบานของทั้ง 3 ท่าน ที่มีจุดหมายบำรุงพระพุทธศาสนาในทิศทางเดียวกัน ที่จะเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธเจ้า
ก่อนที่ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ จะมรณภาพ ได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อปัญญา เป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพธรรม เมื่อเวลานี้หลวงพ่อปัญญาได้มรณภาพ เท่ากับว่า ทางสวนโมกข์ได้สูญเสียเสาหลักที่ยึดเหนี่ยวความผูกพัน ในการจากไปของท่าน ตลอดเวลาหลวงพ่อปัญญาเป็นแรงขับเคลื่อนผลักดัน ต่อจากท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ส่งพระมาอบรม เข้ากรรมฐาน ศึกษาธรรมในส่วนกิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นในบริเวณสวนโมกข์นั้น ต้องรอเจ้าอาวาสเป็นผู้กำหนดเดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ ก่อน