เผยเบื้องหลังวินาทีชีวิต “นายก อบต.พังงา” รอดมาได้ด้วยสติ

ศูนย์ข่าวภูเก็ต – เผยเบื้องหลังวินาทีฉุกเฉินของว่าที่นักการเมืองปริญญาโท “ชัยณรงค์ มหาแร่” นายก อบต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ที่เดินทางกลับจากการเรียนระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรมอุบัติเหตุของเครื่องบินของสายการบินวันทูโกมาได้ด้วยความมีสติ แม้จะบาดเจ็บด้วยแผลถูกไฟคลอก แต่ก็พยายามโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับทางบ้าน จนได้พบพูดคุยกับครอบครัวและญาติก่อนที่แพทย์จะกักตัวห้องไอซียู

จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเครื่องบินของสายการบินวันทูโก เที่ยวบินโอจี 269 กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุขณะกำลังร่อนลงรันเวย์สนามบินนานาชาติภูเก็ต เมื่อเย็นวันที่ 16 กันยายน 2550 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 89 ราย นำมาซึ่งความสูญเสียของบุคคลหลายครอบครัว ซึ่งหลายคนเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ขณะเดียวกัน ก็มีผู้บาดเจ็บสูงถึง 41 ราย และหนึ่งในข้าราชการผู้รอดชีวิตจากสายการบินดังกล่าว คือ นายชัยณรงค์ มหาแร่ นายก อบต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ที่ได้รับการช่วยเหลือหลังเกิดเหตุพร้อมเพื่อนร่วมชะตากรรมคนอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลสิริโรจน์

นางพิมลรัตน์ มหาแร่ อายุ 49 ปี ภรรยา นายชัยณรงค์ เปิดเผย “ผู้จัดการ” ว่า ปกติสามีจะเดินทางโดยเครื่องบิน เพื่อไปกรุงเทพฯ เย็นวันศุกร์และบินกลับวันอาทิตย์ทุกสัปดาห์ เนื่องจากกำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาโท ปี 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์การเมืองและการปกครอง ซึ่งกำลังจะจบการศึกษาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

สัปดาห์นี้ก็เหมือนทุกๆ ครั้งที่เลือกเดินทางไปและกลับโดยสายการบินเช่นเคย แต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะเลือกใช้บริการสายการบินวันทูโกดังเช่นครั้งนี้ แต่เหตุการณ์ร้ายก็ไม่เคยเกิดขึ้น และครอบครัวก็ทราบดีว่าจะกลับเมื่อไหร่ อย่างไร เนื่องจากปกติแล้วนายชัยณรงค์มักจะโทรศัพท์มาที่บ้านบ่อยครั้ง เพื่อคุยกับลูกสาว และคุยกับภรรยาเรื่องงานบ้าง จวบจนเย็นวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน ที่เกิดเหตุเครื่องบินกระแทกกับรันเวย์เมื่อร่อนลงสู่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ภายหลังจากเกิดเหตุก็มีสติพอที่จะโทรศัพท์มาแจ้งให้ที่บ้านรับทราบก่อน

“หลังจากที่สามีประสบเหตุก็โทรศัพท์มาบอกที่บ้านว่าเกิดเหตุระเบิด และตัวเขาได้รับบาดเจ็บกำลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นทุกคนก็ตกใจมาก เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นเลย จึงไม่มีใครถามว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นยังไง เพียงแต่อยากจะรู้ว่าอาการเขาเป็นอย่างไร และต้องการเดินทางไปหาอย่างเร็วที่สุด เช่นเดียวกับลูกสาวที่กำลังเรียนปริญญาโทอยู่กรุงเทพฯ หลังทราบข่าวก็พยายามจะหาเที่ยวบิน เพื่อมาเยี่ยมพ่อที่ภูเก็ต แต่สายการบินปิดบริการจึงต้องนั่งรถทัวร์มาในที่สุด” นางพิมลรัตน์ กล่าว

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ โรงพยาบาลสิริโรจน์ ที่รับผู้บาดเจ็บทันที 11 ราย แพทย์ได้ทำตรวจและรับตัวเข้ารักษาอาการเบื้องต้นแล้ว นายชัยณรงค์ได้เล่าให้ภรรยาทราบว่า ขณะเกิดเหตุรู้สึกเหมือนเกิดระเบิดขึ้นกับเครื่องบินก่อนจะมีเพลิงโหมลุกไหม้ห้องผู้โดยสาร หลังจากที่หลายคนพยายามช่วยเหลือตัวเองออกมาจากซากเครื่องบินได้ก็รู้ว่ามีคนเข้ามาช่วยแล้ว แต่จังหวะนั้นนั่นเองที่รู้สึกเหมือนมีใครคนหนึ่งเข้ามาถอดสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 10 บาท พร้อมกับพระห้อยคออีกหลายองค์ออกไปด้วย ก่อนที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร และได้เก็บไว้ให้ผู้บาดเจ็บหรือไม่

ขณะที่ยังมีสติ รู้สึกตัวอยู่นั้น ก็พยายามสอบถามถึงเพื่อนๆ ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในเที่ยวบินเดียวกันนี้ก็มีข้าราชการหลายคนที่รู้จักกัน แต่ก็ไม่ทันจะได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังความสูญเสียให้แก่หลายๆ คนมากน้อยแค่ไหน แพทย์ก็ต้องตัดสินใจนำตัวเข้าสังเกตการณ์ และป้องกันการติดเชื้อที่ห้องไอซียู เนื่องจากบาดแผลในขณะนั้นล้วนเกิดจากเพลิงไหม้ที่โหมไหม้ในห้องโดยสาร ทำให้ร่างกายหลายตำแหน่งถูกเพลิงไหม้ด้วยเช่นกัน

“ตอนนี้พี่ก็ยังห่วงอาการของเขามากกว่าที่จะจัดการเรื่องอื่นๆ ทั้งทรัพย์สิน เอกสารต่างๆ ที่สูญหายระหว่างเกิดเหตุ และยังไม่รู้ว่าจะมีหน่วยงานไหนเข้ามาประสานกับญาติหรือเปล่า เพราะเชื่อว่าญาติที่เฝ้าผู้ป่วยก็คงไม่ได้ออกไปทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะยังไม่สะดวก จะมีบ้างเพียงติดตามข่าวความเคลื่อนไหวจากสื่อทีวีเท่านั้น แต่หลังจากที่เกิดเหตุก็มีผู้ใหญ่ระดับจังหวัดมาเยี่ยมแล้วหลายราย บางท่านมาไม่ได้ก็จะส่งกระเช้าดอกไม้มาแทน” นางพิมลรัตน์ กล่าว

ด้าน นายอนุรักษ์ ธารสิริโรจน์ กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลสิริโรจน์ เปิดเผย “ผู้จัดการ” ว่า อาการของนายชัยณรงค์นั้นได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้ ระดับ 2 คือ มีความเสียหายผิวหนังกำพร้า และเนื้อใต้ชั้นหนังกำพร้า ซึ่งแตกต่างจากรายอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีปัญหาด้านกระดูกสันหลังจากแรงกระแทกของเครื่องบินขณะเสียการทรงตัว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะ 2 สัปดาห์แรกต้องเฝ้าระวังไม่ให้แผลติดเชื้อ และใช้ท่อช่วยหายใจก็มั่นใจได้ว่าอาการปลอดภัยและดีขึ้น โดยแพทย์จะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ภายในห้อง เนื่องจากผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อสูงมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะใช้วิธีการปลูกผิวหนังพร้อมๆ กับการฟื้นฟูตามธรรมชาติ ซึ่งแพทย์จะให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ โดยมั่นใจว่าผู้ป่วยจะไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที แม้ไม่สามารถยื้อชีวิตของผู้โดยสารได้ทั้งหมดก็ตาม ซึ่งผู้โดยสารส่วนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่นั้น ก็ยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาบาดแผลทางกายและบาดแผลทางใจกับเหตุโศกนาฏกรรม ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ควรเร่งเข้ามาดูแลครอบครัวผู้ประสบเหตุและรับผิดชอบอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน