นครศรีธรรมราช - ประธานชมรม อบต.จี้หาคนรับผิดชอบปลดนายก อบต.สวนหลวง หลังบวชถวายในหลวงตามมติ ครม.-ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช ยังโยนกลอง พึ่งศาลปกครองอย่างเดียว นายกดวงซวยโทร.เฉ่งสวน “ถวิล ไพรสณฑ์” หลังให้สัมภาษณ์หยามคนท้องถิ่น
กรณี นายองอาจ หนูทองแก้ว อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.4 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นอดีตนายก อบต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งถูกคำสั่งของ นายธวัชชัย แท้เที่ยง นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้สั่งให้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งลงเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2550 ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจาก นายองอาจ ได้เข้าร่วมโครงการเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมายุครบ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
ในส่วนภูมิภาคที่ จ.นครศรีธรรมราช ตามกำหนดของโครงการจังหวัดละ 89 รูป ระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2550 จำวัดที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร รวม 18 วัน ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.ถึง 13 ส.ค.2550 ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นมีการจัดขึ้นทั่วประเทศรวมทั้งหมด 7,476 รูป หลังจากลาสิกขาปรากฏว่า นายองอาจ ได้ถูกคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายก อบต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2550 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมติ ครม.ดังกล่าวนั้นได้ถูกส่งมายังนครศรีธรรมราช ซึ่งได้ลงเลขรับศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 017553 ลงวันที่ 13 มิ.ย.50 เลขที่ นร.0506/ว.85 ลงวันที่ 4 มิ.ย.50 เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการเข้าร่วมอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา
โดยได้เวียนหนังสือดังกล่าวถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งในสาระสำคัญของหนังสือฉบับดังกล่าวนั้นอยู่ที่ข้อ 1.คือ ให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมถึงสมาชิกและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุครบ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตลอดเป็นพรรษาเป็นเวลา 94 วัน
สำหรับผู้ที่ไม่อยู่จำพรรษาให้ลาอุปสมบทได้เป็นเวลา 19 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการได้รับเงินตามปกติ ซึ่งมีการลงนามในหนังสือดังกล่าวโดยนายรองพล เจริญพันธ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ยังไม่ได้เจอเจ้าตัว แต่เรื่องนี้สามารถร้องขอความเป็นธรรมได้ให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน และสามารถใช้สิทธิในศาลปกครองได้เช่นกัน ผลออกมาเช่นไรก็ว่าไปตามนั้นไม่ได้ถือว่าแพ้ชนะ
“ปัญหาอยู่ที่มติ ครม.กับกฎหมาย ดังนั้น มีทางเดียว คือ ต้องใช้มาตรการทางศาล เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต้องให้เป็นหน้าที่ของศาลเพียงอย่างเดียว และทั้งสองอย่าง คือ มติ ครม.กับกฎหมายก็มีเหตุผลทั้งสองด้าน นั่นคือ มติ ครม.และกฎหมายที่ว่าด้วยท้องถิ่นผู้ว่าราชการไม่สามารถชี้แนวทางได้เป็นไปได้ทั้งนั้น และเป็นกรณีแรกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอีกด้วย”
นายธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายก อบต.ปากพูน ในฐานะประธานชมรม อบต.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในตอนนี้ คือ การแสดงความรับผิดชอบ และต้องมีผู้รับผิดชอบตั้งแต่ ครม.กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ออกหนังสือเวียนมายังท้องถิ่นทั้ง อบต.เทศบาล และเมื่อมีเนื้อหาอย่างนั้นเขาจึงบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และมติ ครม.ที่ออกมานั้นครอบคลุมทั้งหมดทั้ง สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใครควรที่จะรับผิดชอบ
“ทางชมรม อบต.ได้หารือกันในเรื่องนี้แล้วได้แนะนำ รวมทั้งเป็นพี่เลี้ยงให้นายองอาจ ต่อสู้โดยการยื่นต่อศาลปกครองเพื่อขอคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนทางสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย ได้พยายามผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ สนช.เพื่อหาข้อยุติ ทั้งนี้ รัฐบาลควรที่จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวด้วย รวมไปถึงกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย และยิ่งเป็นโครงการที่ถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์ในหลวงแล้วเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต้องเร่งแก้ไข”
ขณะที่ นายองอาจ หนูทองแก้ว อดีตนายก อบต.สวนหลวง กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวในเรื่องนี้แล้วพบคำสัมภาษณ์ของ นายถวิล ไพรสณฑ์ แล้ว ซึ่งตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายถวิล แล้วด้วย โดยได้กล่าวกับนายถวิล ว่า เรื่องนี้อย่างนี้อย่าโทษเด็กๆ เช่นตนเองว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ข้อกฎหมาย ครม.กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอต้องรู้มากกว่าพวกตน แต่ นายถวิล กลับบอกว่า คนพวกนั้นไม่ผิด
“ผมจึงสวนกลับไปว่า ถ้าเช่นนั้น เท่ากับวิสัยทัศน์ของนายถวิล มีแค่ชอบแล้วครับท่าน ถูกแล้วครับท่าน มติ ครม.ที่ออกมาให้บวช ผู้ว่าฯ ก.วัฒนธรรม นายอำเภอที่เซ็นรับรองมาตามลำดับทำถูกหรือ คนเหล่านี้ทำผิดแล้วดีใช่ไหม คนเหล่านี้ควรจะรู้กฎหมายมากกว่าผมด้วยซ้ำ หลังจากผมพูดเช่นนี้นายถวิล ได้เงียบและวางสายไป”
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นร้องต่อศาลปกครอง เพราะมีเวลาอีก 90 วัน เวลานี้นายอำเภอ ท้องถิ่นจังหวัดได้พูดคุยในทำนองว่าเขาต้องทำตามหน้าที่และกฎหมาย และขอร้องให้ตนพยายามพูดคุยกับชาวบ้านอย่างหมีการประท้วงเกิดขึ้นซึ่งตนก็รับปาก แต่กรณีนี้ความคลางแคลงใจเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง การทำความดีถวายในหลวงทำไมต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะยอมรับทุกกรณีหากมีการตัดสินออกมาจากศาลปกครอง
กรณี นายองอาจ หนูทองแก้ว อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.4 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นอดีตนายก อบต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งถูกคำสั่งของ นายธวัชชัย แท้เที่ยง นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ได้สั่งให้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งลงเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2550 ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจาก นายองอาจ ได้เข้าร่วมโครงการเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมายุครบ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
ในส่วนภูมิภาคที่ จ.นครศรีธรรมราช ตามกำหนดของโครงการจังหวัดละ 89 รูป ระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2550 จำวัดที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร รวม 18 วัน ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.ถึง 13 ส.ค.2550 ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้นมีการจัดขึ้นทั่วประเทศรวมทั้งหมด 7,476 รูป หลังจากลาสิกขาปรากฏว่า นายองอาจ ได้ถูกคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายก อบต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2550 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมติ ครม.ดังกล่าวนั้นได้ถูกส่งมายังนครศรีธรรมราช ซึ่งได้ลงเลขรับศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 017553 ลงวันที่ 13 มิ.ย.50 เลขที่ นร.0506/ว.85 ลงวันที่ 4 มิ.ย.50 เรื่อง ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการเข้าร่วมอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โดยไม่ถือเป็นวันลา
โดยได้เวียนหนังสือดังกล่าวถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ซึ่งในสาระสำคัญของหนังสือฉบับดังกล่าวนั้นอยู่ที่ข้อ 1.คือ ให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมถึงสมาชิกและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลาอุปสมบทเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุครบ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตลอดเป็นพรรษาเป็นเวลา 94 วัน
สำหรับผู้ที่ไม่อยู่จำพรรษาให้ลาอุปสมบทได้เป็นเวลา 19 วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติราชการได้รับเงินตามปกติ ซึ่งมีการลงนามในหนังสือดังกล่าวโดยนายรองพล เจริญพันธ์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ยังไม่ได้เจอเจ้าตัว แต่เรื่องนี้สามารถร้องขอความเป็นธรรมได้ให้เกิดเป็นบรรทัดฐาน และสามารถใช้สิทธิในศาลปกครองได้เช่นกัน ผลออกมาเช่นไรก็ว่าไปตามนั้นไม่ได้ถือว่าแพ้ชนะ
“ปัญหาอยู่ที่มติ ครม.กับกฎหมาย ดังนั้น มีทางเดียว คือ ต้องใช้มาตรการทางศาล เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต้องให้เป็นหน้าที่ของศาลเพียงอย่างเดียว และทั้งสองอย่าง คือ มติ ครม.กับกฎหมายก็มีเหตุผลทั้งสองด้าน นั่นคือ มติ ครม.และกฎหมายที่ว่าด้วยท้องถิ่นผู้ว่าราชการไม่สามารถชี้แนวทางได้เป็นไปได้ทั้งนั้น และเป็นกรณีแรกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอีกด้วย”
นายธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายก อบต.ปากพูน ในฐานะประธานชมรม อบต.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในตอนนี้ คือ การแสดงความรับผิดชอบ และต้องมีผู้รับผิดชอบตั้งแต่ ครม.กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ออกหนังสือเวียนมายังท้องถิ่นทั้ง อบต.เทศบาล และเมื่อมีเนื้อหาอย่างนั้นเขาจึงบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และมติ ครม.ที่ออกมานั้นครอบคลุมทั้งหมดทั้ง สมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใครควรที่จะรับผิดชอบ
“ทางชมรม อบต.ได้หารือกันในเรื่องนี้แล้วได้แนะนำ รวมทั้งเป็นพี่เลี้ยงให้นายองอาจ ต่อสู้โดยการยื่นต่อศาลปกครองเพื่อขอคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนทางสมาคม อบต.แห่งประเทศไทย ได้พยายามผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ สนช.เพื่อหาข้อยุติ ทั้งนี้ รัฐบาลควรที่จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวด้วย รวมไปถึงกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย และยิ่งเป็นโครงการที่ถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์ในหลวงแล้วเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต้องเร่งแก้ไข”
ขณะที่ นายองอาจ หนูทองแก้ว อดีตนายก อบต.สวนหลวง กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวในเรื่องนี้แล้วพบคำสัมภาษณ์ของ นายถวิล ไพรสณฑ์ แล้ว ซึ่งตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายถวิล แล้วด้วย โดยได้กล่าวกับนายถวิล ว่า เรื่องนี้อย่างนี้อย่าโทษเด็กๆ เช่นตนเองว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ข้อกฎหมาย ครม.กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอต้องรู้มากกว่าพวกตน แต่ นายถวิล กลับบอกว่า คนพวกนั้นไม่ผิด
“ผมจึงสวนกลับไปว่า ถ้าเช่นนั้น เท่ากับวิสัยทัศน์ของนายถวิล มีแค่ชอบแล้วครับท่าน ถูกแล้วครับท่าน มติ ครม.ที่ออกมาให้บวช ผู้ว่าฯ ก.วัฒนธรรม นายอำเภอที่เซ็นรับรองมาตามลำดับทำถูกหรือ คนเหล่านี้ทำผิดแล้วดีใช่ไหม คนเหล่านี้ควรจะรู้กฎหมายมากกว่าผมด้วยซ้ำ หลังจากผมพูดเช่นนี้นายถวิล ได้เงียบและวางสายไป”
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ในสัปดาห์หน้าตนจะยื่นร้องต่อศาลปกครอง เพราะมีเวลาอีก 90 วัน เวลานี้นายอำเภอ ท้องถิ่นจังหวัดได้พูดคุยในทำนองว่าเขาต้องทำตามหน้าที่และกฎหมาย และขอร้องให้ตนพยายามพูดคุยกับชาวบ้านอย่างหมีการประท้วงเกิดขึ้นซึ่งตนก็รับปาก แต่กรณีนี้ความคลางแคลงใจเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง การทำความดีถวายในหลวงทำไมต้องเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะยอมรับทุกกรณีหากมีการตัดสินออกมาจากศาลปกครอง