xs
xsm
sm
md
lg

สั่งกวาดซุ้มมือปืนรับจ้างที่สุราษฎร์ฯหลัง 2 ตระกูลดังเปิดศึกยิงถล่มดับแล้ว 6 ศพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุราษฎร์ธานี - “รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8” นำกำลังกวาดล้างซุ้มมือปืนรับจ้าง-ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ป้องกันการก่อเหตุร้าย หลัง 2 ตระกูลดังที่อำเภอไชยา ขัดแย้งขนอาวุธสงครามฆ่าล้างแค้นดับแล้ว 6 ศพ ได้ผู้องหา 6 คน พร้อมอาวุธปืน-เครื่องกระสุน-ยาบ้าจำนวนมาก

วันนี้ (4 ก.ย.) พล.ต.ต.สันฐาน ชยนนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกว่า 300 นาย บริเวณสนามด้านหน้า สภ.อ.ไชยา เพื่อทำการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และคดีบัญชีค้างเก่า

โดยเน้นการเข้าตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายระหว่าง ตระกูล "ยังอ้น" กับตระกูล "เศวตศิลป์” หลังเปิดฉากยิงถล่มกันด้วยอาวุธนา ๆ ชนิดจนทั้ง 2 ฝ่าย เสียชีวิตไปแล้วถึง 6 ศพ การตรวจค้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลัง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 28 จุด ในเขตอำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา และอำเภอท่าฉาง

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก ประกอบด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด จำนวน 7 กระบอก ปืนสั้น 3 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก รวมทั้งยาบ้าอีกจำนวน 20 เม็ด ควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีค้างเก่าได้จำนวน 6 คน

รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า การกวาดล้างในพื้นที่ อ.ไชยา ครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางการสืบทราบว่า ในพื้นที่มีการฝึกกลุ่มวัยรุ่นให้เป็นมือปืนรับจ้าง แล้วรับงานไปก่อเหตุในพื้นที่ภาคต่าง ๆ แล้วกลับเข้ามาหลบกบดานในพื้นที่ ประกอบกับก่อนหน้านี้ มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการประทุษร้ายชีวิต และร่างกายเกิดขึ้นหลายคดี

รวมทั้งยังมีการฆ่าล้างแค้นกันระหว่าง 2 ตระกูล คือ ตระกูล “ยังอ้น” กับตระกูล “เศวตศิลป์” ซึ่งเป็นกลุ่มคนดังของ อ.ไชยา เพื่อเป็นการระงับเหตุของศึก 2 ตระกูล ซึ่งอาวุธปืน และเครื่องกระสุนที่ตรวจยึดได้จากการตรวจค้นทั้งหมด จะนำส่งกองพิสูจน์หลักฐาน กองวิทยาการ เขต 42 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำการเปรียบเทียบกับผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการกระทำความผิดในคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และหากพบว่า อาวุธปืน และเครื่องกระสุนใด ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับการก่อเหตุฆ่าล้างแค้นกันระหว่าง 2 ตระกูล ได้ก่อเหตุติดต่อกันถึง 6 คดี ประกอบด้วย คดีที่ 1 เหตุเกิดเมื่อประมาณกลางปี 2547 ระหว่างกลุ่มของตระกูล “ยังอ้น” ไปยิงนายสุวัฒน์ เศวตศิลป์ อายุ 40 ปี (ในขณะนั้น) ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ตะกรบ อ.ไชยา ซึ่งเป็นพี่ชายของนายสุรัตน์ เศวตศิลป์ เสียชีวิต,คดีที่ 2 กลางปี 2548 กลุ่มตระกูล “ยังอ้น” ยังบุกไปยิงนายสุธรรม เศวตศิลป์ อายุ 42 ปี พี่ชายของนายสุรัตน์ เสียชีวิต เพื่อต้องการสกัดฝ่ายตรงข้ามมาล้างแค้น

คดีที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2549 นายสุรัตน์ เศวตศิลป์ ควงลูกซองยาว 5 นัด ยิงถล่มนายศุภโชค ยังอ้น นายก อบต.ตะกรบ อ.ไชยา ขณะกำลังร้องเพลงในคาราโอเกะแห่งหนึ่งของ ต.พุมเรียง อ.ไชยา โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นมีปลัดอาวุโสอำเภอไชยาคนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และรอดชีวิตมาได้อย่างวุดหวิด

คดีที่ 4 เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย.2549 กลุ่มคนของตระกูล “ยังอ้น” ได้บุกยิงนายสุรัตน์ เศวตศิลป์ ขณะขับรถอยู่บนถนนริมชายหาดพุมเพียง แต่กระสุนพลาดไปถูกนางรัตนา เศวตศิลป์ ภรรยานายสุรัตน์เสียชีวิตคารถเก๋งบีเอ็ม ตัวเองรอดตายหวุดหวิด

คดีที่ 5 เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม พ.ศ.2550 กลุ่มคนของตระกูล “เศวตศิลป์” ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายโกวิทย์ ยังอ้น เสียชีวิตคาที่ในรถยนต์กระบะ หลังจากที่นายโกวิทย์ ขับรถกลับจากบ้านนายสมพงค์ ยังอ้น กำนัน ต.ตะกรบไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บปลอกกระสุนสงคราม ( M 16 ) ได้ถึง 78 ปลอก จากการสืบสวนทราบว่า กระสุนดังกล่าวมาจากอาวุธปืนของกลุ่มคนมีสีที่ให้การคุ้มครองนายสุรัตน์ เศวตศิลป์ และ

คดีที่ 6 เป็นคดีล่าสุดเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550 กลุ่มคนของตระกูล “เศวตศิลป์” ไปยิง นายโกศล เรืองดุก ญาติ ของตระกูล “ยังอ้น” เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่เบี่ยงเป็นประเด็นเรื่องความขัดแย้งเรื่องคิวรถตู้ จนกระทั่งสร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มคนของตระกูล “ยังอ้น” เป็นอย่างมาก จนล่าสุดมีกระแสข่าวว่า อาจจะมีการฆ่าล้างแค้นเกิดขึ้นอีก โดยทางกลุ่มตระกูล “เศวตศิลป์” หลบไปอยู่ในความคุ้มครองดูแลของคนมีสี และเตรียมถล่มฝ่ายตรงข้าม

สำหรับ 2 ตระกูลดังกล่าว เดิมเป็นคนในพื้นที่ ต.ตะกรบ อ.ไชยา และเป็นคนดั้งเดิมของ อ.ไชยา ระยะหลังที่ดินริมชายหาดมีมูลค่าสูงไม่สามารถตกลงเรื่องผลประโยชน์กันได้จึงมีปัญหาระหองระแหงตามมาและนำไปสู่การฆ่าล้างแค้นจนถึงปัจจุบัน
 
เบื้องหลังมีการขัดแย้งของศึก 2 ตระกูลมาจากผลประโยชน์เรื่องที่ดินสาธารณะริมชายหาดไชยา ที่เป็นชายหาดที่อุดมสมบูรณ์มีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ ประกอบกับสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและมีมูลค่ามหาศาล จนกระทั่งทั้ง 2 ฝ่ายลงสู่สนามเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่น และห้ำหั่นกันมาตลอด



กำลังโหลดความคิดเห็น