นครศรีธรรมราช - ฆ่าข่มขืนนักเรียน ป.5 หวิดบานปลาย ญาติไม่ยอมเผาศพเหยื่อ เตรียมแห่ประท้วงหน้าโรงพัก-สงสัยตำรวจไม่นำผู้ต้องหาทำแผน ผกก.โร่เคลียร์ยันหลักฐานแน่นหนา-ประหารชีวิตสถานเดียว เผยสั่งขังเดี่ยวฆาตกรโรคจิตหวั่นเครียดฆ่าตัวตายหนีผิด
จากกรณีที่ฆาตกรโฉดบุกข่มขืนวิตถารก่อนรัดคอด้วยเชือกผูกรองเท้าฆ่าเหี้ยม ปิดปาก ด.ญ.นุช (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 เสียชีวิตภายในห้องน้ำบ้านของตัวเอง เลขที่ 10 หมู่ 2 บ้านนาจูด ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 25 ส.ค.2550 ที่ผ่านมา จนพ่อแม่กลับมาจากเก็บมังคุดในสวนพบศพบุตรสาวถึงกับหัวใจสลาย
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า นกกรงหัวจุกที่พ่อของ ด.ญ.นุช (นามสมติ) เลี้ยงไว้หายไปจำนวน 4 ตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า คนร้ายจะต้องเป็นคนในหมู่บ้าน จึงระดมกำลังออกสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมฆาตกรหื่นกาม จนสามารถจับกุม นายสมควร ปานทอง อายุ 38 ปี บ้านเดิมอยู่ อ.เมือง จ.พิจิตร แต่มาประกอบอาชีพและได้ภรรยาอยู่ในท้องที่หมู่ 2 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมงัดอวัยวะเพศโชว์ตำรวจอย่างภาคภูมิในกลางห้องสอบสวน โดยไม่เกรงกลัวความผิดที่ได้ก่อขึ้น ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (29 ส.ค.) ที่งานศพของ ด.ญ.นุช ได้มีญาติๆ และประชาชนในพื้นที่ และจากละแวกใกล้เคียงได้เดินทางมารวมตัวกันเกือบ 300 คน ภายในงานศพเพื่อร่วมเรียกร้องให้ทางตำรวจนำตัวนายสมควร ผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ เพราะการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น เป็นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินคดี และถือเป็นหลักฐานที่สำคัญในทางคดี
การที่ตำรวจไม่นำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ตำรวจอาจจะเข้าด้วยช่วยเหลือนายสมควร ผู้ต้องหาจนอาจจะทำให้นายสมควร ไม่ได้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย ญาติๆ และประชาชนจึงมารวมตัวกันเพื่อแห่ศพ ด.ญ.นุช ไปวางประท้วงหน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช หรือหน้า สภ.อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
ภายหลังจากทราบเรื่อง พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.อ.เมือง และ พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.ธร.สภ.อ.เมือง เข้าเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวบ้าน เนื่องจากเกรงว่าปัญหาจะบานปลาย
พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.ได้กล่าวชี้แจงกับญาติและประชาชน ว่า ขอรับรองว่าคดีนี้ตำรวจไม่ได้เข้าด้วยช่วยเหลือนายสมควร ผู้ต้องหารายนี้อย่างแน่นอน โดยคดีนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และไม่ประสงค์ที่จะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ เพราะ นายสมควร เชื่อว่า ตัวเองไม่ปลอดภัยและจะต้องถูกญาติๆ ของ ด.ญ.นุช และประชาชนที่โกรธแค้นรุมทำร้ายอย่างหนักแน่
นอกจากนี้ ตามกฎหมายแล้วเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ในกรณีอย่างนี้หากตำรวจยังนำตัวไปทำแผนในที่เกิดเหตุ และเกิดเหตุการณ์รุมทำร้ายนายสมควรจนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ตำรวจจะต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าผู้ต้องหาอยู่ในการควบคุมของตำรวจ และในที่สุดตำรวจจะตกเป็นผู้ต้องหาเสียเอง
“อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ แต่เรื่องสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานทุกอย่างทั้งประจักษ์พยาน วัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น เสื้อผ้าของนายสมควร สร้อยลูกปัด โลชั่นทาผิว นกกรงหัวจุก ผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งพยานพยานแวดล้อม ถือว่าเป็นคดีที่มีพยานหลักฐานที่แน่นหนามากที่สุดคดีหนึ่ง แม้ในชั้นศาลผู้ต้องหาจะกลับคำให้การเป็นปฏิเสธก็คงไม่มีผลใดๆ เพราะพยานหลักฐานอื่นๆ มัดตัวแน่นดิ้นไม่หลุดแน่ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาที่ยืนยันชัดเจนเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ที่สำคัญ ในคดีนี้ทางตำรวจจะเร่งสอบสวนและสรุปสำนวนเพื่อส่งฟ้องด่วนเป็นกรณีพิเศษ เชื่อว่า นายสมควรจะได้รับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตอย่างแน่นอน” พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ ยืนยัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศภายหลังค่อนข้างตึงเครียดมากขึ้น เมื่อญาติๆ ส่วนหนึ่งเข้าใจคำชี้แจงของ พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ แต่อีกส่วนหนึ่งยืนกรานที่จะไม่ยอมรับฟังใดๆ ทั้งสิ้น และยืนยันที่จะนำศพ ด.ญ.นุช ไปวางประท้วงที่หน้าศาลากลางหรือหน้าโรงพัก แต่ภายหลังที่ได้เจรจาทำความเข้าใจเพิ่มเติมกลุ่มญาติของ ด.ญ.นุช จึงพอใจในระดับหนึ่ง และรับปากว่าจะไม่เคลื่อนไหวประท้วง
พล.ต.ต.สุดใจ ญาณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวภายหลังรับรายงานถึงสถานการณ์จาก พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ ว่า คดีนี้ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ประกอบกับตำรวจมีพยานหลักฐานทุกขั้นตอนของการก่อเหตุแน่นหนามาก จะได้ประสานกับทางศาล เพื่อดำเนินการส่งฟ้องและนำไปสู่การพิจารณาตัดสินคดีให้เร็วที่สุดเป็นพิเศษ เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจกว้างขวาง ซึ่งเมื่อวานนี้ได้นำนายสมควรไปฝากขังนัดแรก พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวไปตามระเบียบ และไม่มีญาติๆ ของนายสมควร มายื่นขอประกันตัว ก่อนจะรับตัวนายสมควร มาควบคุมไว้ที่โรงพัก เพราะต้องสอบสวนในรายละเอียดอีกมาก
“การนำตัว นายสมควร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ถือว่าเสี่ยงมากๆ เพราะหากนำไปทำแผนเกิดการรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาจนอาจจะถึงเจ็บหรือตาย ตำรวจจะต้องรับผิดชอบและกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง เพราะถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่ไม่ประสงค์จะไปชี้ที่เกิดเหตุ หากตำรวจยังพาไปชี้ที่เกิดเหตุ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายและสิทธิของผู้ต้องหา เพราะนายสมควร ผู้ต้องหาอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ หากเป็นอะไรไปตำรวจต้องรับผิดชอบ ที่สำคัญจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบ้านเมือง” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว